นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้สำรวจสถานการณ์ราคาสินค้ากลุ่มอาหารสดประจำสัปดาห์ พบว่า หมูเนื้อแดง ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยล่าสุดราคาเฉลี่ยทั่วประเทศ 140-145 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ซึ่งถือเป็นผลดีต่อผู้บริโภค ที่ค่าครองชีพปรับตัวลดลง ส่วนไก่ปรับขึ้นเล็กน้อย ไก่น่องติดสะโพก 85-90 บาทต่อกก. ไก่เนื้ออก 75-85 บาท/กก. ไข่ไก่ เบอร์ 3 เฉลี่ยฟองละ 3.81 บาท ส่วนผักสด ปรับขึ้นบ้าง เพราะอากาศร้อนและแล้ง ทำให้ผลผลิตโตช้า แต่คาดว่าจะกลับเข้าสู่ปกติในเร็ว ๆ นี้
ส่วนสถานการณ์ต้นทุนอาหารสัตว์ปรับเพิ่มขึ้น และมีผลกระทบต่อต้นทุนการเลี้ยงสุกรมีชีวิต กรมฯ ได้หารือร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์แล้ว และกำลังร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา
โดยได้ยืนยันกับผู้เลี้ยงสุกรว่าราคาอาหารสัตว์จะไม่มีการปรับเพิ่มขึ้นราคา ซึ่งกรมฯ ได้ขอความร่วมมือกับผู้ผลิตไปแล้ว เพราะต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารสัตว์ราคาทรงตัว และบางรายการเริ่มปรับลดลง เช่น ถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคาทรงตัว มันสำปะหลัง ราคาเพิ่มขึ้น แต่ภาพรวมถือว่าดีขึ้น
“กรมฯ เห็นใจผู้เลี้ยง เพราะต้นทุน ซึ่งขณะนี้กำลังเข้าไปช่วยดูแลในเรื่องต้นทุนอาหารสัตว์อยู่ สถานการณ์กำลังดีขึ้น และได้ขอความร่วมมือห้างค้าส่งค้าปลีก ให้จัดโปรโมชันลดราคาสินค้ากลุ่มอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นต่อการครองชีพรายการอื่น ๆ แทนสินค้าหมูเนื้อแดง ที่ขณะนี้ ราคาถือว่าอยู่ในระดับปกติแล้ว รวมทั้งสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าสกัดหมูเถื่อน เพราะเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ราคาหมูเป็นลดลง”นายวัฒนศักย์กล่าว
ด้านนายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์ราคาผัก โดยทำงานใกล้ชิดกับตลาดกลาง พบว่า ผลผลิตบางรายการปรับลดลงบ้าง จากสภาพอากาศร้อนและแล้ง และพื้นที่เพาะปลูกบางแห่งเจอพายุฤดูร้อน ทำให้ผลผลิตผักออกสู่ตลาดน้อยลง และมีปัญหาเรื่องคุณภาพ แต่ขณะนี้ เริ่มมีฝนแล้ว และคาดว่าสถานการณ์ผักจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติช่วงปลายเดือนพ.ค.2566 เป็นต้นไป
สำหรับสถานการณ์ผักสำคัญ เช่น มะละกอ ราคาทรงตัว แต่ผลผลิตออกช้ากว่าปกติ ผักชี ซึ่งเป็นผักไม่ชอบร้อนจัด แล้งจัด ราคาสูงขึ้น แต่อีก 2 สัปดาห์จะดีขึ้น กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ราคาทรงตัว ส่วนมะนาว ขณะนี้ราคาเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และคาดว่าผลผลิตจะเริ่มออกมากตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพ.ค.2566 เป็นต้นไป เพราะผลผลิตไม่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน เพราะติดลูกแล้ว ราคาก็น่าจะปรับลดลงต่อเนื่อง