วันนี้ (18 พ.ค. 66) นายอรรถพล คำวังพฤกษ์ ผู้จัดการโรงงาน บริษัท พีเอ็ม 80 ลำพูน ได้เข้าร่วมกับผู้ประกอบการรายใหญ่ในภาคเหนือ และ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร พร้อมด้วย นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน นำผู้ประกอบการ ห้างค้าส่ง-ค้าปลีก ผู้รวบรวม ผู้ส่งออก
ในโครงการอมก๋อยโมเดล เพื่อวางแผนมาตรฐานการรับซื้อผลิตผล ณ โรงอบสหกรณ์การเกษตรสันป่าตอง (บ้านป่าจี้) อำเภอสันป่าตอง เพื่อทำสัญญารับซื้อผลผลิตลำไย จำนวน 145,000 ตัน และลิ้นจี่ อีกจำนวน 3,000 ตัน โดยโรงอบของสมาคมลำไยอบแห้งภาคเหนือ (คาดการณ์กำลังโรงอบลำไยอบแห้งปีนี้ อยู่ที่มากกว่า 380,000 ตัน) ซึ่งจะส่งผลให้ลำไยราคาปีนี่้จะสูงกว่าปีก่อน
การดำเนินการดังกล่าว ถือเป็นการขับเคลื่อนมาตรการก่อนเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยว เพื่อให้เกษตรกรสามารถขายผลผลิตได้ในราคาดี ไม่ถูกกดราคาจากกลุ่มนายทุน และเป็นไปตามนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ที่ต้องการให้เกษตรกรมีช่องทางในการขายผลผลิตกับผู้ประกอบการโดยตรง และไม่เกิดปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ ซึ่งจะเริ่มจากการบริหารจัดการภายในจังหวัดก่อน แต่หากเกินศักยภาพก็จะประสานไปยังกรมการค้าภายในให้ช่วยเข้ามาดูแล
นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า หากพบว่า เกษตรกรถูกกลั่นแกล้ง หรือมีใครมาทำให้ราคาผลผลิตตกต่ำ ซื้อ-ขาย ไม่สะดวก และทำให้ราคาร่วงลง ขอให้แจ้งมายังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าไปจัดการทันที เพราะไม่อยากเห็นเกษตรกรถูกเอารัดเอาเปรียบและ “เกษตรกรเชียงใหม่ต้องมีเงินเต็มกระเป๋า และมีรายได้ดี”
ด้าน นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้ฝากถึงเกษตรกร ขอให้ควบคุมดูแลคุณภาพของสินค้าให้ได้มาตรฐาน ด้วยผู้ประกอบการที่มารับซื้อทั้งหมดเป็นรายใหญ่ หากผลผลิตมีคุณภาพดี ราคาก็จะสูงตามไปด้วย และเชื่อมั่นว่าราคามะม่วง ลำไย และลิ้นจี่ ในปีนี้ จะเป็นไปด้วยดี ราคาไม่ตกต่ำ และผลผลิตออกสู่ตลาดได้ทั้งหมด
ขณะที่ นายอรรถพล คำวังพฤกษ์ ผู้จัดการโรงงาน บริษัท พีเอ็ม 80 ลำพูน กล่าวว่า นายประยุทธ มหากิจศิริ ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท PM80 มีความห่วงใยเกษตรกรผู้ปลูกลำไยในภาคเหนือ ซึ่งเป็นที่มาของการจัดตั้งและสร้างโรงงานขึ้นที่จังหวัดลำพูน
ปัจจุบันผลไม้ในภาคเหนือ อาทิเช่น ลำไย และ ลิ้นจี่ ประสบผลกระทบราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่องมาหลายปี เกษตรกรหลายๆ กลุ่มยอมแพ้ไม่ปลูกผลผลิตต่อ เนื่องจากช่องการขายไปยังปลายทางยังจำกัดอยู่ที่แค่แปรรูปอบแห้งเพียงอย่างเดียว
ดังเช่นหลายปีที่ผ่านมา หากประเทศปลายทางจำกัด ก็ส่งผลกระทบกับราคาลำไยสด ประกอบกับราคาปุ๋ยและวัสดุในการดูแลเพิ่มต้นทุนสูงมากขึ้น
ทางบริษัท พีเอ็ม 80 เริ่มต้นจากวัตถุประสงค์ดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยเริ่มลงทุนเพื่อศึกษาการแปรรูปเชิงลึกของลำไย เพื่อเพิ่มมูลค่าของวัตถุดิบให้แก่เกษตรกร ทางบริษัทได้มีมาตรการ์ณรับซื้อลำไยสดทุกขนาด (grade AA-A-B-C) เพื่อรองรับผลผลิตจากทุกภาคส่วนของเกษตรกรไม่ให้สูญเปล่า (โดยส่วนใหญ่ โรงอบลำไยแห้งจะรับเพียงแค่ Grade AA-A-B)
นายอรรถพล กล่าวด้วยว่า ในปัจจุบันทางบริษัทได้มีการแปรรูปลำไยสดให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มากมาย อาทิเช่น น้ำลำไยเข็มข้น ที่มีสรรพคุณสารสำคัญมากมาย, เครื่องดื่มน้ำลำไยซ่าลองก้า(Longa) ปัจจุบันได้วางขายแล้วใน 7 Eleven ทั้งแบบชนิด กระป๋อง 250 ml และ ขวด PET 330 ml
“ในอนาคตเรายังมีแผนนำผลผลิตลำไยสด มาแปรรูปเชิงยาและเครื่องสำอางค์ โดยร่วมมือกับนักวิจัยและองค์กรณ์ต่างประเทศ เพื่อปรับปรุงโครงสร้างกลไกลทางการตลาดและเพิ่มช่องทางการแปรรูปผลผลิต ให้แก่เกษตรกรชาวไทยต่อไป”