วันนี้ (18 มี.ค.67) กลุ่มสมาพันธ์การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย จำนวน 18 คน นำโดย นายบรรจง นิสภวาณิชย์ ประธานสมาพันธ์การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย ยื่นหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักงาน.กพ.เดิม ผ่าน นายพันศักดิ์ เจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านมวลชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ขอคัดค้านการเปิดเสรีการค้าสินค้าปลาและผลิตภัณฑ์ ในการเจรจาฯ FTA ไทย กับ สมาคมการค้าเสรียุโรป หรือ FTA ไทย-อียู และในทุกกรอบการเจรจาฯ
โดยหนังสือของกลุ่มสมาพันธ์การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย ระบุว่า เพื่อความอยู่รอดอย่างยั่งยืนของพี่น้องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลาและส่วนเกี่ยวข้องตลอดสายห่วงโชการผลิต เนื่องจากในปัจจุบันสินค้าปลาและผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศได้ทะลักเข้ามาในประเทศ ปริมาณปีละมหาศาล จากการถูกนำไปเปิดเสริการค้า (ภาษีนำเข้าเป็นศูนย์) ให้กับบางประเทศ/กลุ่มประเทศ โดยปราศจากความเห็นชอบจากพี่น้องเกษตรกร
เช่นเปิดให้กับจีน คือ กรอบความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ทำให้ต้องเปิดเสรีให้กับอาเซียนโดยปริยาย อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการทะลักของปลากะพง ปลาบาซา ฯลฯ จากประทศเพื่อนบ้าน สร้างความเสียหายและความเดือดร้อนอย่างหนักต่อพี่น้องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลาในประเทศ ทั้งที่เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาคัดค้านอย่างเข้มแข็งมโดยตลอด ตั้งแต่ปี 2543 เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
ทั้งนี้สมาพันธ์การเพะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย สมาคมผู้พาะเลี้ยงปลาไทย สมาคมผู้เพาะเลี้ยงปลาทะเลไทย สมาคมปลานิลไทย แปลงใหญ่ปลานิลชลบุรี รู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่งต่อเสถียรภาพความมั่นคง ความอยู่รอดของพี่น้องเกษตรครผู้เพาะเลี้ยงปลา-สัตว์น้ำต่างๆที่สวนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงปลา และสัตว์น้ำ โดยรวมของประเทศ ตลอดสายห่วงโซการผลิต รวมครอบครัวจำนวนกว่าล้านคน
จึงขอคัดค้านการเปิดเสรีการค้าสินค้าปลาและผลิตภัณฑ์ ในการเจรจาฯกรอบ FTA (ไทย- EFTA) และในทุกกรอบการเจรจาฯ ให้ยกออกนอกกรอบการเจรจา จัดเป็นสินค้าอ่อนไหวที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลพิเศษจากภาครัฐ ให้คงภาษีที่ 5% ไปให้นานที่สุด และขอให้มีมาตรการนำเข้าต่างๆที่มีประสิทธิภาพ ดำเนินการที่เข้มแข็ง เช่น การตรวจสอบสินค้าปลา สัตว์น้ำนำเข้า ในเรื่องยาปฏิชีวนะ/สารเคมีตกค้าง และอื่นๆ อย่างเข้มงด เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคในประเทศ