นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายในเปิดเผยภายหลังจากลงพื้นที่ร่วมกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อม ผู้ประกอบการ โรงสีข้าว ผู้ส่งออกข้าวถุง สื่อมวลชน และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้าวสารในสต็อก ของรัฐบาลตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/2557 ณ จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2567 โดยการตรวจสอบข้าวสารคงเหลือในสต็อกของรัฐบาล ตามบัญชีของ อคส จำนวน 2 โกดังรวมจำนวน 145,590 กระสอบ น้ำหนัก 15,012 ตัน ได้มีบริษัทเซเวเยอร์ (บริษัท โคเทคนา อินสเปคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด) ที่เป็นผู้ตรวจสอบกลางตามมาตรฐานสากล ขึ้นทะเบียนและได้รับอนุญาตจากกรมการค้าต่างประเทศเป็นคนกลางดำเนินการตรวจสอบในทุกขั้นตอนตามมาตรฐานสากล รวมทั้งสิ้น 9 กอง เป็นของโกดังกิตติชัย 7 กอง และเป็นของโกดังพูนผล 2 กอง
ในการเก็บตัวอย่างการตรวจสอบนั้นมีผู้สังเกตการณ์ทั้งผู้ประกอบการโรงสีผู้ส่งออกและสื่อมวลชนอีกจำนวนมาก ตั้งแต่ขั้นตอนการเปิดประตูคลังซึ่งมีไขกุญแจ 3 ดอก ซึ่งเก็บรักษาโดยผู้รับผิดชอบจาก 3 หน่วยงาน เพื่อเก็บตัวอย่าง ซึ่งโกดังทั้ง 2 แห่งดำเนินการจัดเก็บและรมยาตามระยะเวลาของสัญญาจ้างตลอดจนถึงขั้นตอนการหุงเพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ทดลองกินโดยบริษัทเซอร์เวย์เยอร์จะเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมดทุกขั้นตอน
ทั้งนี้ ได้มีการผ่ากองเก็บตัวอย่างจากกระสอบที่อยู่ภายในกองตามมาตรฐานการตรวจสอบ พบว่าในทางกายภาพเมล็ดยังคงมีความสมบูรณ์ไม่มีลักษณะเสียหายจากการถูกทำลายด้วยแมลงมีฝุ่นและมีสีเหลืองงาตามสภาพระยะเวลาที่เก็บรักษา
และภายหลังจากที่ผู้ประกอบการทั้งโรงสีและผู้ส่งออกที่ร่วมการตรวจสอบทดลองทานแล้ว พบว่า ข้าวไม่แข็งกระด้าง ยังคงมีความนุ่ม มีลักษณะเช่นเดียวกับข้าวเก่าซึ่งมีหลายประเทศที่มีความต้องการข้าวที่มีลักษณะเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม ปกติข้าวสารที่เก็บในคลังก่อนที่จะนำไปใช้เพื่อการบริโภคหรือส่งออกก็จะต้องนำไปปรับปรุงคุณภาพเพื่อให้ได้มาตรฐานทางด้านการค้าและสุขอนามัยตามที่กำหนด การนำข้าวจากคลังที่เก็บไว้ไปจำหน่ายทันทีต้องดำเนินการปรับปรุงคุณภาพ โดยการปรับปรุงมากน้อยจะขึ้นอยู่กับสภาพของข้าว และเงื่อนไขข้อตกลงหรือมาตรฐานของผู้ซื้อ
สำหรับครั้งนี้ อคส. จะได้ไปดำเนินการจัดประมูลเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดขอให้รอผลการประมูลว่าเป็นอย่างไรราคาประมูลจะเป็นตัวชี้วัดคุณภาพของข้าวว่าดีหรือไม่ เพราะคงไม่มีโรงสี ผู้ส่งออก หรือผู้ประกอบการใดๆ ยอมที่จะเสนอราคาสูงกว่าคุณภาพข้าวที่ตนประมูลซื้อ
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวต่อว่า ในการระบายข้าวสต็อกของรัฐบาลลอตสุดท้ายนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้มีการตรวจทดสอบคุณภาพข้าว และจำหน่ายข้าวสารล็อตสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้ จะเปิดให้เอกชน ผู้ประกอบการเข้าประมูลซื้อได้อย่างเต็มที่ และเปิดโอกาสให้สามารถเข้าไปพิสูจน์ตรวจสอบคุณภาพข้าวได้ทั้ง 2 คลัง ก่อนตัดสินใจเสนอราคาซื้อ แต่ อคส.จะดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้าประมูลว่าเป็นผู้ที่ไม่เคยทำความเสียหายให้กับทางราชการหรือไม่อย่างไร และเมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้วก็จะทำการเปิดให้มีการประมูลและรับทราบผล
การประมูลซื้อภายหลังเสร็จสิ้นการประมูลภายในวันเดียวกัน
ซึ่งการประมูลครั้งนี้ก็จะทำให้รัฐบาลไม่ต้องมีภาระเก็บสต็อกอีกทั้งมีรายได้ส่งคืนรัฐและส่วนหนึ่งก็จะเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นภายใต้โครงการ ทั้งนี้ สามารถติดตามการเปิดประมูลได้ที่เวปไซต์ของ อคส กรมการค้าภายใน และกระทรวงพาณิชย์