รายงานข่าวจากองค์การคลังสินค้า(อคส.) เปิดเผยว่า อคส. ได้ออกใบประกาศ TOR เรื่อง การจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 1/2567 เพื่อเปิดประมูลข้าวข้าวหอมมะลิในสต๊อกรัฐบาลที่เก็บมานาน 10 ปี จากโครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาล น.ส.ยิงลักษณ์ ชินวัตร จำนวน 15,000 ตัน
โดยอคส.ได้ออกประกาศให้ผู้ซื้อข้าวได้เสนอซื้อด้วยการยื่นชองประมูล แบบเหมาคลังตามสภาพของข้าวที่เก็บรักษาที่มีอยู่จริง ซึ่งจะกำหนดวัน ยื่นซองเอกสารคุณสมบัติ ณ ห้องประชุมมโนปกรณ์นิติธาดา ชั้น 12 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในวันที่ 10 มิถุนายน 2567 เวลา 09.00 น. ถึง 12.00 น.
จากนั้น อคส. จะตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้เสนอซื้อและจะประกาศรายชื่อ ผู้เสนอซื้อที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ในวันที่ 13 มิถุนายน 2567 เวลา 19.00 น. ซึ่งผู้เสนอซื้อที่มีคุณสมบัติครบถ้วน สามารถยื่นของเสนอซื้อได้ในวันที่ 17 มิถุนายน 2567 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 12.00 น. ณ ห้องมโนปกรณ์นิติธาดา ชั้น 2 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
ใน TOR ได้กำหนดให้ผู้ยื่นซองเข้าประมูลขอเข้าดูตัวอย่างข้าวก่อนยื่นของเสนอซื้อ ได้ที่คลังสินค้าแต่ละแห่ง ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 ถึงวันที่ 7 มิถุนายน 2567 ยกเว้นวันที่ 3 มิถุนายน 2567 ระหว่าง เวลา 09.00 น. ถึง 12.00 น.
อย่างไรก็ตามในเงื่อนไข TOR ข้อ 4.2 ระบุว่า ให้ผู้ประมูลดูตัวอย่างข้าวทางกายภาพด้วยสายตาเพื่อประกอบการพิจารณาเสนอราคา ซื้อข้าวในคลังสินค้าเท่านั้น ไม่อนุญาตให้นำตัวอย่างข้าวออกนอกคลังสินค้า หรือดำเนินการตรวจสอบด้วยวิธีอื่ใดกับข้าวในคลังสินค้า
ทั้งนี้ องค์การคลังสินค้าขอสงวนสิทธิ์ในการเปิด - ปิดคลังสินค้าตามความเหมาะสม ใน TOR ยังระบุว่า ในการเสนอซื้อต้องเสนอซื้อตามมูลค่า ณ หน้าคลังสินค้าที่ขอซื้อ (Ex-warehouse) เป็นสกุลเงินบาทไทยโดยผู้ยื่นซองเสนอซื้อจะต้องมีหละกประกันเป็นหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคาร (Bank Guarantee) หรือตั๋วแลกเงิน (DRAFT) หรือเช็คธนาคาร (CASHIER'S CHEQUE) ที่ออกโดยธนาคารที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น สั่งจายองค์การคลังสินค้าในอัตราร้อยละ 2 ของมูลค่าสินค้าที่ยื่นเสนอซื้อ โดยไม่รับหลักประกันเป็นเงินสด
โดยผู้ยื่นซองเสนอซื้อต้องยืนราคาที่เสนอซื้อเป็นเวลา 90 วันทำการ นับแต่วันที่ยื่นซองเสนอซื้อกรณีที่ผู้เสนอซื้อหลายรายประสงค์จะรวมกันเสนอซื้อในคลังสินค้าเดียวกันให้ผู้เสนอซื้อแต่ละรายทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้ยื่นซองเสนอซื้อหรือผู้แทนของผู้ยื่นซองเสนอซื้อเพียง 1 ราย เป็นผู้แทนในการดำเนินการยื่นซองเสนอซื้อและทำสัญญา โดยต้องระบุชนิดข้าว ปริมาณ และคลังสินค้าที่จะรับมอบในหนังสือมอบอำนาจให้ชัดเจน รวมทั้ง (ต้องระบุข้อความว่าผู้เสนอซื้อทุกราย) จะต้องรับผิดต่อการดำเนินการตามสัญญาซื้อขายจนเสร็จสิ้นในทุกขั้นตอน
ขณะที่การเปิดซองเสนอซื้อ จะดำเนินการ ณ ห้องประชุมมโนปกรณ์นิติธาดา ขั้น 12 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในวันที่ 17 มิถุนายน 2567 ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป
ส่วนการพิจารณาผู้เสนอซื้อ คณะทำงานรับ-เปิดซองและต่อรองราคาข้าวในสต็อกของรัธ จะพิจารณาผู้เสนอซื้อที่มีคุณสมบัติถูกต้องครบถ้วนและเสนอซื้อราคาสูงสุดในแต่ละคลัง โดยคณะทำงานฯ จะเจรจากับ ผู้เสนอซื้อราคาสูงสุดในแต่ละคลังให้เสนอราคาซื้อเพิ่มเติมจากราคาเดิม
กรณีมีผู้เสนอซื้อราคาสูงสุดในแต่ละคลัง เท่ากันสองรายขึ้นไปให้ผู้เสนอซื้อราคาเท่ากันเสนอราคาซื้อเพิ่มเติมจากราคาเดิม ซึ่งการเสนอซื้อเพิ่มเติมแต่ละครั้งจะต้องเสนอราคาซื้อเพิ่มเติมไม่ต่ำกว่าครั้งละ 5,000 บาท จนกว่าจะได้ผู้เสนอซื้อราคาสูงสุดเพียงรายเดียว เมื่อมีการเสนอซื้อสินค้าแล้วถือว่าผู้เสนอซื้อได้ตรวจสอบปริมาณและสถานะของสินค้าที่เก็บรักษา ณ คลังสินค้าแล้ว และเมื่อมีการเสนอซื้อแล้วผู้เสนอซื้อจะขอถอนการเสนอซื้อไม่ได้
ถ้าหากผู้เสนอซื้อถอนการเสนอซื้อ องค์การคลังสินค้าขอสงวนสิทธิที่จะริบหลักประกันทั้งหมด และองค์การคลังสินค้า จะให้สิทธิผู้เสนอซื้อในลำดับถัดไป
ทั้งนี้ ผู้เสนอซื้อราคาสูงสุดสุดท้ายในแต่ละคลังที่คุณสมบัติผ่านเกณฑ์แล้ว จะได้รับการเสนอชื่อและรายละเอียดการเสนอซื้อให้คณะทำงานรับ-เปิดซองและต่อรองราคาข้าวในสต็อกของรัฐพิจารณาก่อนนำเสนอผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า พิจารณาเห็นชอบผลการประมูลขายข้าวในสต็อกของรัฐ
ขณะที่ข้อ 9 ระบุว่าผู้เสนอซื้อที่ได้รับการคัดเลือกจะต้อง ทำสัญญาซื้อขายข้าวสารกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) ภายใน 15 วันทำการนับแต่วันที่องค์การคลังสินค้าแจ้งผลเป็นลายลักษณ์อักษรแก่ผู้เสนอซื้อแต่ละราย และวางหลักประกันเป็น เงินสดหรือเป็นหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารหรือเช็คธนาคาร (CASHIER'S CHEQUE) ที่ออกโดยธนาคารที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย สั่งจำยองค์การคลังสินค้า (อคส.) ในอัตราร้อยละ 5 ของมูลค่าข้าวสารที่ได้ตกลงซื้อขาย หากผู้เสนอราคาซื้อที่ได้รับคัดเลือกไม่มาทำสัญญาภายในเวลาที่กำหนด จะถูกริบหลักประกัน
กรณีผู้ชนะการประมูลไม่เข้าทำสัญญา หรือทำสัญญาแล้วไม่ปฏิบัติตามสัญญา หรือปฏิบัติผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด องค์การคลังสินค้าจะบอกเลิกสัญญา คณะทำงานรับ-เปิดซองและต่อรองราคาข้าวในสต็อกของรัฐจะเจรจาต่อรองกับผู้เสนอซื้อสูงสุดในลำดับถัดไป โดยให้แจ้งยืนยันราคาเป็นลายลักษณ์อักษรและให้สิทธิเข้าทำสัญญาภายในระยะเวลาที่กำหนด
และผู้ละทิ้งสัญญาต้องชดใช้ค่าเสียหาย จากส่วนต่างระหว่างราคาที่เสนอซื้อกับราคาที่จำหน่ายได้ให้กับองค์การคลังสินค้า ทั้งนี้หากยังไม่ได้ผู้ซื้อ องค์การคลังสินค้าจะใช้หลักเกณฑ์นี้จนกว่าจะจำหน่ายข้าวในคลังสินค้าเสร็จสิ้น
เป็นที่น่าสังเกตุว่า TOR ที่ให้ผู้ประมูลดูตัวอย่างข้าวทางกายภาพด้วยสายตาเพื่อประกอบการพิจารณาเสนอราคา ซื้อข้าวในคลังสินค้าเท่านั้น ไม่อนุญาตให้นำตัวอย่างข้าวออกนอกคลังสินค้า หรือดำเนินการตรวจสอบด้วยวิธีอื่ใดกับข้าวในคลังสินค้า เท่ากับปิดทางให้ผู้เข้าร่วมประมูลตรวจสอบคุณสมบัติข้าวที่จะประมูลว่ามีคุณภาพตามมาตรฐานสามารถนำไปบริโภคได้ตามที่กระทรวงพาณิชย์เคยประกาศก่อนหน้านี้หรือไม่
สำหรับข้าวที่จะนำมาประมูล ประกอบด้วย คลังกิตติชัย หลัง 2 (ข้าวหอมมะลิ 100%) จำนวน 11,656 ตัน หรือ 112,711 กระสอบ และ คลัง บจก.พูนผลเทรดดิ้ง หลัง 4 (ข้าวหอมมะลิ 100%) คงเหลือ 3,356 ตัน หรือ 32,879 กระสอบ