วันที่ 25 มิ.ย.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันนี้ว่า มติที่ประชุมครม. ล่าสุด เห็นชอบ “โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง” ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ(นบข.)
โดยจะเป็นการสนับสนุนวงเงินให้กับเกษตรกรชาวนา วงเงินไม่เกิน 500 บาท ต่อไร แต่จำกัดครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ โดยมีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธ.ก.ส.) รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
โดยในรายละเอียด ทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือ โฆษกรัฐบาลจะแถลงรายละเอียดต่อไป
ผู้สื่อข่าวสำหรับมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ(นบข.) ครั้งที่ 2/2567 มีมติว่า
ตามที่รัฐบาลได้มีมาตรการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ได้มีมติเห็นชอบหลักการโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายปัจจัยการผลิตลดต้นทุนการผลิตข้าวแก่เกษตรกร โดยจะสนับสนุนปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ และชีวภัณฑ์ ไม่เกินไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2567/68 ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร เป้าหมาย 4.68 ล้านครัวเรือน วงเงินงบประมาณ 29,994.3445 ล้านบาท
โดยที่ประชุมมอบหมายให้กรมการข้าวนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วที่สุด เพื่อช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนการทำเกษตรให้กับเกษตรกร ปุ๋ยที่เข้าร่วมโครงการ
สำหรับปุ๋ยที่เข้าร่วมโครงการ ต้องเป็นปุ๋ยที่ได้รับการขึ้นทะเบียน/หนังสือสำคัญรับแจ้งถูกต้อง ตามพ.ร.บ. ปุ๋ยและชีวภัณฑ์ หรือต้องได้รับการขึ้นทะเบียนถูกต้องตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย ซึ่งเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการสามารถเลือกรับการสนับสนุนปุ๋ยสำหรับนาข้าวที่ขึ้นทะเบียนเบื้องต้นจำนวน 13 รายการ ได้แก่
ทั้งนี้ เกษตรกรได้ขอให้เพิ่มอีก 3 สูตร ได้แก่
โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง เป็นโครงการที่รัฐบาลจะช่วยจ่ายครึ่งหนึ่งและชาวนาจ่ายอีกครึ่งหนึ่ง โดย ดำเนินการผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อการใช้งานที่ง่ายและทั่วถึง โดยจะไม่จ่ายเป็นเงินสด แต่จะเป็นการให้ซื้อผ่านแอปพลิเคชันของ ธ.ก.ส.
ทั้งนี้ จะเชิญชวนผู้ประกอบการ/ผู้ค้าปุ๋ย ทุกบริษัทมาเข้าร่วมในราคาเดียวกันหมด เพื่อแก้ปัญหาชาวนาซื้อปุ๋ยแพง ซึ่งปุ๋ยที่ดำเนินการตามสูตรที่ระบุจะช่วยเพิ่มผลผลิต และจะมีคณะอนุกรรมการขึ้นมาดูแล ตรวจสอบโครงการให้ชัดเจนโปร่งใส เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับชาวนา