นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า มติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรเสนอโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในปี 67/68 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรสามารถดำรงชีพได้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น
ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย 4.61 ล้านครัวเรือน โดยรัฐบาลจ่ายเงินสนับสนุนแก่เกษตรกรในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 10 ไร่และครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท
ด้าน นายอนุกูล พฤกษานุกูล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ล่าสุดวันนี้ (3ธ.ค.67) เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์(กษ.)เสนอ ดังนี้
1.เห็นชอบ การยกเลิกโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว (โครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนฯ) หรือ โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567
2.เห็นชอบ โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2567/68 วงเงินงบประมาณ 38,578.22 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินทุนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 2 ส่วน ดังนี้
3.อนุมัติผ่อนปรนการไม่ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ในกรณีให้ทุกหน่วยงานหลักเลี่ยงการดำเนินการในลักษณะการให้เงินอุดหนุน ช่วยเหลือ ชดเชย หรือประกันราคาสินค้าเกษตร โดยตรงแก่เกษตรกรเฉพาะสินค้าข้าว
นายอนุกูล กล่าวว่า โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2567/68 กรมส่งเสริมการเกษตรจะนำข้อมูลรายชื่อเกษตรที่ผ่านการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2567/68 ส่งให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกร ในอัตราไร่ละ 1,000 บาทไม่เกินครัวเรือน 10 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายเกษตรผู้ปลูกข้าว ประมาณ 4.61 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ
โดยมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบจนถึง 30 กันยายน 2568 ส่วนระยะเวลาจ่ายเงินหลังจากที่คณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการ ธ.ก.ส.มีมติเห็นชอบจนถึง 30 กันยายน 2568
“การดำเนินโครงการฯ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรสามารถดำรงชีพอยู่ได้ และสามารถลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวของศูนย์ข้าวชุมชนและขยายผลไปให้ครอบคลุม ประมาณ 4.6 ล้านครัวเรือน ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้ส่วนเหลือเพิ่มขึ้นทำให้มีอำนาจการใช้จ่ายภาคครัวเรือนของเกษตรกรและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในระดับเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นการเพิ่มการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้เกษตรมีเงินไว้สำหรับใช้จ่ายในการซื้อปัจจัยการผลิตข้าวหรือจ่ายค่าบริหารจัดการในการผลิตข้าว เช่น เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ยา เป็นต้น” นายอนุกูล ระบุ