ศูนย์พยากรณ์ศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ดำเนินการสำรวจภาวะการณ์ใช้จ่ายของผู้บริโภคร่วมกับการสำรวจความเชื่อมั่น ของผู้บริโภคในเดือนพฤศจิกายน 2567 ซึ่งมีผลการศึกษาดังนี้
จากผลของการสำรวจความเหมาะสมของผู้บริโภคในเดือนพฤศจิกายน 2567 พบว่า ดัชนีความเหมาะสมของผู้บริโภคในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจทุกรายการปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ ปรับตัวตามดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้นทุกรายการ
ดัชนีความเหมาะสมในการซื้อรถยนต์คันใหม่ในปัจจุบัน ปรับตัวดีขึ้น เป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือนนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 เป็นต้นมา โดยดัชนีในเดือนพฤศจิกายน 2567อยู่ในระดับ 67.9 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนตุลาคม ที่อยู่ในระดับ 64.9 ทั้งนี้ผู้บริโภคเห็นว่าในปัจจุบันเป็นช่วงเวลาในการซื้อรถยนต์คันใหม่ในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่แน่ใจและไม่เหมาะสมประมาณ 9.7% , 48.5% และ 41.8% ตามลำดับ
ขณะที่เดือนตุลาคม ผู้บริโภคเห็นว่าในปัจจุบันเป็นช่วงเวลาในการซื้อรถยนต์ใหม่ใน ปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่แน่ใจ และไม่เหมาะสมประมาณ 9.2% , 46.5% และ 44.3% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนีอยู่ระดับต่ำกว่า 100 และกลุ่มตัวอย่าง 90.3% เห็นว่าในปัจจุบันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมปานกลางถึงน้อยในการซื้อรถยนต์คันใหม่ ซึ่งเป็นระดับที่เกินกว่า 50% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 61 แสดงว่าผู้บริโภคเห็นว่าในช่วงนี้ยังไม่มีความเหมาะสมในการซื้อรถยนต์คันใหม่มากนัก
ดัชนีความเหมาะสมในการซื้อบ้านหลังใหม่ในปัจจุบัน ปรับตัวดีขึ้นเป็นคร้ังแรกในรอบ 9 เดือนนับต้ังแต่เดือนมีนาคม 2567 เป็นต้นมา มาอยู่ที่ระดับ 44.6 โดยปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม ที่ดัชนีอยู่ในระดับ 41.6 ทั้งนี้ในเดือนพฤศจิกายน 2567ผู้บริโภคเห็นว่าในปัจจุบันเป็นช่วงเวลาในการซื้อบ้านหลังใหม่ในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่แน่ใจ และไม่เหมาะสม 8.6% , 27.4% และ 64.0% ตามลำดับ
ขณะที่เดือนตุลาคม ผู้บริโภคเห็นว่าในปัจจุบันเป็นช่วงเวลาในการซื้ออบ้านหลังใหม่ในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่แน่ใจและไม่เหมาะสม ประมาณ 8.1% , 25.4% และ 66.5% ตามลำดับ และกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 91.4% เห็นว่า ในปัจจุบันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ปานกลางจนถึงน้อยในการซื้อบ้านหลังใหม่แสดงว่าผู้บริโภคมีความเห็นว่าในช่วงนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมในการซื้อบ้านหลังใหม่แต่เริ่มมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในอนาคต
ดัชนีความเหมาะสมในการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวในปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นเป็นคร้ังแรกในรอบ 9 เดือนนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 เป็นต้นมา โดยยังปรับตัวต่ำกว่าระดับ 100 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ซึ่งดัชนีในเดือนนี้ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 84.7 เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม ที่อยู่ในระดับ 81.6 ทั้งนี้ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ผู้บริโภคเห็นว่าในปัจจุบันเป็นช่วงเวลาในการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ เหมาะสม ไม่แน่ใจ และไม่เหมาะสม ประมาณ 16.4 % , 51.9% และ 31.7% ตามลำดับ
ขณะที่เดือนตุลาคม ผู้บริโภคเห็นว่าในปัจจุบันเป็นช่วงเวลาในการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่แน่ใจ และไม่เหมาะสม ประมาณ 15.5 % , 50.6% และ33.9%
อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนีเคลื่อนตัวเข้าสู่ระดับ 100 และกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่73.6% เห็นว่าในปัจจุบันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวในระดับปานกลางจนถึงมาก แสดงว่าผู้บริโภคมีความเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยเหมาะสมในการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว
ดัชนีความเหมาะสมในการลงทุนท าธุรกิจ SMEsในปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นเป็นคร้ังแรกในรอบ 9 เดือนนับต้ังแต่เดือนมีนาคม 2567 เป็นต้นมา โดยปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 33.6 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนตุลาคม ที่อยู่ในระดับประมาณ 31.0 ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ผู้บริโภคเห็นว่าการลงทุนทำธุรกิจ SMEs ในปัจจุบันเป็นช่วงเวลาอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่แน่ใจ และไม่เหมาะสม ประมาณ 6.4% , 20.8% และ 72.8% ตามลำดับ
ขณะที่เดือนตุลาคม ผู้บริโภคเห็นว่าในปัจจุบันเป็นช่วงเวลาในการลงทุนทำธุรกิจ อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่แน่ใจ และไม่เหมาะสม ประมาณ 5.8% , 19.4% และ 74.8% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม การที่ค่าดัชนีมีค่าต่ำกว่าระดับ 100 มาก และกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 93.6% เห็นว่า ในปัจจุบันยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงทุนทำธุรกิจ SMEs แสดงว่าผู้บริโภคมีความเห็นว่าในเดือนพฤศจิกายน 2567 ยังเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมในการลงทุนทำธุรกิจ SMEs