นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาล โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เปิดตัวโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้ขานรับนโยบายดังกล่าว เพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วนจึงได้กำหนดการจัดงาน “พาณิชย์ลดราคา New Year Mega Sale 2025”
ทั้งนี้ ได้ร่วมมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วน มุ่งลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประชาชนทั่วประเทศในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ และได้จัดกิจกรรมแสดงและจำหน่ายสินค้าภายใต้แคมเปญดังกล่าว ระหว่างวันที่ 17-19 ธันวาคม 2567 ณ กระทรวงพาณิชย์ (สนามบินน้ำ) เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน ในพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนแคมเปญใหญ่ระดับประเทศ ก็เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้เช่นเดียวกัน
สำหรับแคมเปญนี้ ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากผู้ผลิตสินค้า ผู้ประกอบการ ห้างค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมกว่า 300 ราย นำเสนอสินค้าจำเป็นและบริการครอบคลุมกว่า 40,000 รายการ และสินค้าออนไลน์กว่า 30 ล้านรายการ โดยมอบส่วนลดสูงสุดถึง 80% กำหนดจัดตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2567 ถึง 31 มกราคม 2568 รวมระยะเวลา 46 วัน
ทั้งนี้ สินค้าที่นำมาลดราคา ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม ของใช้ประจำวัน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องแต่งกาย ของตกแต่งบ้าน อุปกรณ์ช่าง ยาและเวชภัณฑ์ บริการทางการแพทย์ ศูนย์บริการรถยนต์ โรงแรมที่พัก สายการบิน ประกันภัย บริการอินเตอร์เน็ตและอุปกรณ์ ร้านอาหาร และแพลตฟอร์มออนไลน์ (บริการส่งอาหาร ขนส่ง-พัสดุ) และกลุ่มสินค้าเกษตร สินค้าชุมชน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับอีคอมเมิร์ซชั้นนำผ่านแพลตฟอร์ม Lazada, Shopee, Grab Food, Lineman, Foodpanda, Robinhood มอบส่วนลดพิเศษในการซื้อสินค้าและบริการช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วย
“โครงการนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ที่มีเป้าหมายเร่งด่วนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย โดยกระทรวงพาณิชย์เล็งเห็นถึงความสำคัญของการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน จึงร่วมมือกับพันธมิตร จัดแคมเปญลดราคาสินค้าและบริการทั่วประเทศ ซึ่งโครงการดังกล่าวไม่เพียงช่วยลดรายจ่ายของประชาชน
อีกทั้งโครงการนี้สอดคล้องกับแนวทาง “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” ที่รัฐบาลมุ่งมั่นขับเคลื่อน เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจไทย โดยคาดว่าจะช่วยลดภาระค่าครองชีพได้ 4,800 ล้านบาท และกระตุ้นการใช้จ่ายและสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้มากกว่า 14,400 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาแคมเปญ” นายพิชัย กล่าว