นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการคนที่ 1 หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยพร้อมสนับสนุนการปรับค่าจ้างขั้นต่ำตามกรอบกฎหมาย และเป็นไปตามคณะกรรมการของไตรภาคีจังหวัด และล่าสุดคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ด) มีการพิจารณาการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทใน 4 จังหวัด 1 อำเภอ โดยเฉลี่ยการปรับภาพรวมอยู่ที่ 2% ถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับพื้นที่เศรษฐกิจที่มีการเติบโตทั้งด้านอุตสาหกรรมและบริการ
ทั้งนี้ การพิจารณาตัวเลขค่าจ้างถือว่าเหมาะสม เพราะหากไม่พิจารณาค่าจ้างเลยก็เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้มีการปรับค่าจ้างมาปีกว่าแล้ว และยังมองว่าไม่กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจมากนัก แต่จะไม่กระทบเลยก็อาจจะไม่ใช่ ซึ่งภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จำเป็นจะต้องหามาตรการเข้ามาดูแลและช่วยเหลือ
ขณะเดียวกัน จังหวัดที่ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท เช่น ภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และ 1 อำเภอ คือ เกาะสมุย ก็พิจารณาตามการเติบโตทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม บริการ แต่ในพื้นที่เหล่านั้นจะมีภาคเกษตร หรือผู้ประกอบการขนาดเล็กที่อาจจะได้รับผลกระทบจากค่าจ้าง 400 บาท
อย่างไรก็ตามรัฐบาลจำเป็นต้องเข้ามาดูแลเพื่อประคองให้ผู้ประกอบการยังคงดำเนินธุรกิจและไม่ให้ได้รับผลกระทบเกินไป รวมถึงจังหวัดอื่นด้วย
ด้านอาจารย์ธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การพิจารณาการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำครั้งนี้ คาดว่าเฉลี่ยทั่วประเทศประมาณ 3% หรือประมาณ 10 บาท ซึ่งเป็นผลดีทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณเดือนละ 3,000 บาท โดยค่าแรงที่ปรับขึ้นผู้ประกอบการมองว่ายังรับได้ ส่งผลต่อการใช้จ่ายและกระตุ้นจีดีพีประมาณ 0.2%
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าการขึ้นค่าแรงครั้งนี้ มีผลต่อต้นทุนราคาสินค้าประมาณ 2.5-5% โดยเชื่อว่าจะกระทบเงินเฟ้อไม่มากและยังคงอยู่ในกรอบที่คาดการณ์ไว้ แต่อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ยังส่งผลให้ผู้ประกอบการจะหันไปใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในธุรกิจมากขึ้น และยังเป็นตัวชะลอดึงดูดการลงทุน