ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 เห็นชอบโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว (โครงการไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 10 ไร่ หรือไม่เกินครัวเรือนละ 10,000 บาท) หรือ "เงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท" นั้น
ล่าสุดแหล่งข่าวกรมส่งเสริมการเกษตร เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในปี 2568 ทางกรมเตรียมส่งรายชื่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในวันที่ 6 มกราคม 2568 (รอบที่ 1) เพื่อโอนเงินไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 10 ไร่ หรือไม่เกินครัวเรือนละ 10,000 บาท) หรือ "เงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท"
ส่วนรอบที่ 2 กรมจะส่งข้อมูลให้ ธ.ก.ส.โอน ในวันที่ 20 มกราคม 2567 จะเป็นรอบของชาวนาภาคใต้ ที่แจ้งขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2567/68 รอบที่ 1 ซึ่งต้องไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรของกรมส่งเสริมการเกษตร ปี 2567 กล่าวคือ เป็นเกษตรกรที่เพาะปลูกในช่วง 1 พฤษภาคม – 31 ตุลาคม 2567 สำหรับภาคใต้การเพาะปลูกข้าว รอบที่ 1 จะเป็นช่วง 16 มิถุนายน 2567 – 28 กุมภาพันธ์ 2568
ทั้งนี้ชาวนา ตรวจสอบสถานะเกษตรกรออนไลน์ ผ่าน e-Form
ขอให้เกษตรกร ตรวจสอบสถานะเกษตรกรออนไลน์ ผ่าน e-Form ตามขั้นตอน ดังนี้
• เข้าเว็บไซต์ https://efarmer.doae.go.th/
• ไปที่กล่องสีเขียวบนหน้าจอด้านขวามือ เลือก “ตรวจสอบ”
• กรอกข้อมูลตามหน้าเว็บไซต์แนะนำ ระบุเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก ระบุเลขรหัสหลังบัตรประชาชน เลือก “ตรวจสอบ”
วิธีเช็กสถานะโอนเงินไร่ละ 1,000 บาท ปี 2567/68
เกษตรกรสามารถตรวจเช็กสถานะการโอนเงิน ของโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2567/68 ตามขั้นตอน ดังนี้
1.เข้าสู่เว็บไซต์เช็กสถานะโอนเงินได้ที่ chongkho.inbaac.com ตลอด 24 ชั่วโมง
1.1 เข้าสู่ระบบด้วย Digital ID จะมีรายละเอียดเปิดบัญชีจำนวนเงิน และโครงการช่วยเหลือที่ได้รับของผู้ที่ลงทะเบียนสำเร็จ และได้รับเงินแล้ว
1.2 หน้าจอจะแสดงผลสถานะการโอน กรณีไม่พบข้อมูลการขึ้นทะเบียน โปรดติดต่อหน่วยงานที่รับขึ้นทะเบียนเกษตรกรตามชนิดพืชที่ได้รับสิทธิ์ตามโครงการเพื่อรับสิทธิ์ต่อไป
2. ตรวจสอบข้อมูลในแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. BAAC Mobile หลังจากตรวจสอบในเว็บไซต์แล้วเรียบร้อย หากมีข้อมูลขึ้นว่าได้รับเงินโอน สามารถเข้าไปตรวจสอบยอดเงินได้ด้วยตนเอง
3. เช็กข้อมูลจาก บัตร ATM
4. ปรับสมุดเงินฝากที่ธนาคาร
5. SMS Alert