ขณะที่ธุรกิจอื่น ทรุดตัวทางกลางวิกฤต ก็คือ ธุรกิจ Tech Consultant หรือที่ปรึกาาด้านเทคโนโลยี อย่างบริษัท ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IIG ซึ่ง “สมชาย เมฆะสุวรรณโรจน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทฯ บอกเลยว่า วิกฤตเหล่านั้นได้ส่งผลกระทบเชิงบวก ทำให้ตลอดช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา IIG เติบโตต่อเนื่องเกือบ 40% ทุกปี
แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ก็ไม่ง่ายนัก จากจุดเริ่มต้นของการออกมาเป็นผู้ประกอบการ ตั้งบริษัทขายเครื่อง IBM พ่วงกับซอฟต์แวร์ ERP ด้วยเงินเก็บส่วนตัวและเงินจากผู้ถือหุ้นใหญ่อีก 2 ราย ธุรกิจเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนได้มาเป็นพันธมิตรกับบริษัท QAD Inc. จากสหรัฐอเมริกา นำซอฟต์แวร์ ERP ที่ปฏิบัติการบนระบบเปิดเข้ามาขาย และได้ขยายมาสู่การเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับ บริษัท Salesforce จากสหรัฐอเมริกา
“สมชาย” ทำตลาดให้กับ Salesforce ได้ 8-9 ปี ก็นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ MAI โดยก่อนเข้าตลาดฯ ได้ปรับโครงสร้างในกลุ่มธุรกิจ ที่มีทั้ง บริษัท IIG บริษัท ไอซีอี คอนซัลติ้ง จำกัด (iCE) และยังตั้ง บริษัท ไอแอนด์ไอ เอ็กซ์พีเรียนซ์ จำกัด (iiXP) เพื่อขยายบริการแบบครบวงจร ทั้งการเป็น Tech Consultant การให้บริการระบบ CRM และยังให้คำปรึกษาและวางกลยุทธ์ด้านดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งให้กับลูกค้า
วิธีการขยายธุรกิจจากอดีตจนถึงปัจจุบัน “สมชาย” ยังคงยึดหลักการจับมือกับพันธมิตร เพื่อสร้างการเติบโตที่รวดเร็วและแข็งแกร่ง ทุกธุรกิจจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน เสริมความแข็งแกร่งให้กันและกัน เพื่อสนองตอบงานในสายเทคโนโลยีดิจิทัล ที่เขามองว่ายังมีโอกาสเติบโตอีกมาก และขยายตัวได้ต่อเนื่อง
“สมชาย” ยกตัวอย่างแค่เรื่องการทรานสฟอร์มองค์กร บนโรดแมปของการทรานสฟอร์มยังต้องเดินกันอีกไกล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งกับตัวองค์กรเองและประเทศไทย ซึ่งตลาดนี้ซอยย่อยเป็นหลายเซ็กเตอร์ โดยส่วนที่เขาทำธุรกิจอยู่คือ Tech Consultant ถือเป็นตลาดที่เติบโตมาก ทั้งด้านซอฟท์แวร์และการให้คำปรึกษา ด้วยมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท และเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 10%
“บริษัทเรา 3 ปี อัตราการเติบโตเกือบ 40% ทุกปี มันเป็นเรื่องที่อะเมซิ่งมากๆ ธุรกิจเราโตมาก แม้ในช่วงโควิด เราได้รับแต่ผลกระทบเชิงบวก ปัญหาอย่างเดียวของเรา คือ คนไม่พอทำงาน เพราะงานเข้ามาเยอะมากจนล้น”
เมื่อโอกาสทางธุรกิจมีมาก ดีมานท์ตลาดมีเยอะ “สมชาย” ได้วางรากฐานการแก้ปัญหาแบบยั่งยืน เพราะปัญหาใหญ่เรื่องแรงงานทักษะด้านดิจิทัลเทคโนโลยี ไม่ได้มีเพียงแค่ IIG องค์กรเดียว แต่รวมถึงองค์กรอื่นๆ และประเทศ ที่ต้องการก้าวเดินไปสู่การแข่งขันระดับโลก หากแต่บุคลากรด้านดิจิทัลเทคโนโลยี กลับมีไม่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็น Developer Skills, Data Scientist, Business Analyst และอีกหลายทักษะ
“สมชาย” เริ่มดิวกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ตั้งแต่ 5-6 ปีที่แล้ว ร่วมกันพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลเทคโนโลยี ทำทั้งการส่งคนของ IIG ไปสอน ช่วยออกแบบหลักสูตร อาจารย์สอนตามทฤษฎี ส่วน IIG นำโจทย์ทางธุรกิจจริงๆ ไปสอน เมื่อได้เด็กเก่งๆ ที่เป็นท็อป ทาเลนต์ ก็คัดเลือกเข้ามาร่วมงานกับองค์กร หลังจากนั้นก็ขยายไปที่หาดใหญ่ ขอนแก่น อุดรธานี กรุงเทพฯ และล่าสุด ยังร่วมมือกับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เพื่อทำเป็นโปรแกรมระยะยาว ที่นอกจากเทรนด์เด็กในรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว ยังเตรียมเปิดเป็นอะคาเดมี่ให้คนทั่วไปที่สนใจพัฒนาทักษะ ได้เข้ามาฝึกอบรม เติมเต็มความสามารถของตัวเอง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ประมาณปี 2566
การพัฒนาองค์กรของ ซีอีโอ ท่านนี้ ให้ความสำคัญกับ 2 ส่วน คือ การ Build สร้างคนเอง จากการร่วมมือกับสถาบันการศึกษา อย่างที่กำลังทำอยู่ และอีกส่วนหนึ่งคือการไปซื้อตัวคนเก่งมาจากที่อื่นๆ อีกส่วนคือ การ Buy โดยการร่วม Joint Venture กับบริษัทที่มีความแข็งแกร่งในแต่ละด้าน แล้วร่วมกันบริหาร ทำให้ได้ทั้งคนที่มีความสามารถ และสามารถขยายธุรกิจของกลุ่มให้แข็งแกร่งครบวงจรมากขึ้น
“สมชาย” บอกว่า เขาเตรียมแผนที่จะลุกหนักในอีกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น Tech Consultant งานด้าน CRM รวมถึงการทำดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งเร็วๆ นี้เขาจะร่วมมือเป็นพันธมิตร และ Joint Venture กับองค์กรในไทยและต่างประเทศ ขยายตลาดและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยปลายปีนี้ สิ่งที่จะได้เห็นก่อน ก็คือ การร่วมมือกับวิริยะประกันภัย บุกตลาดประกัน ด้วย Digital Insurance Platforms
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,808 วันที่ 11 - 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565