กับช้อปใหญ่ช้อปแรกของ “อีฟแอนด์บอย” (EVEANDBOY) ที่เริ่มต้น หลายๆ คนต้องคิดว่าเป็นแบรนด์จากอินเตอร์แน่นอน
ทำไมต้องเป็นสยามสแควร์ และทำไมร้านต้องใหญ่เวอร์วัง พื้นที่ไม่ต่ำกว่า 300-400 ตารางเมตร กับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ ทั้งสกินแคร์ เครื่องสำอาง น้ำหอม ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม แบรนด์ชั้นนำจากทั่วโลกมากกว่า 350 แบรนด์
“คุณบอย-หิรัญ ตันมิตร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีฟแอนด์บอย จำกัด บอกเลยว่า เพราะนั่นคือแนวทางการทำธุรกิจที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นของอีฟแอนด์บอย
“เราอยากเป็น Beauty Destination การที่เราจะไปถึงจุดนั้นได้ เราต้องทำให้คนที่นึกถึงความสวยความงาม ต้องนึกถึงเรา เราคอมบายทุกอย่างที่คนต้องการ แชมพู สกินแคร์ น้ำหอม เรารวบรวมทุกอย่างเข้ามาอยู่กับเราทั้งหมด นั่นคือ โมเดลที่เราต้องการจะเป็นตั้งแต่ต้น”...นี่คือไดเร็คชั่นที่ชัดเจนของซีอีโอคนนี้
“คุณบอย” เท้าความถึงจุดเริ่มต้น เขาและพี่สาว “อีฟ-สุธาวัลย์ ตราชู” ทายาทร้าน “สารคามซูเปอร์มาร์เก็ต” ที่จังหวัดมหาสารคาม เริ่มจากการช่วยพ่อแม่ ด้วยการนำระบบบัญชี ระบบการขายสินค้า เข้าไปเปลี่ยนแปลงการขายของร้านโชห่วยของครอบครัว จากเดิมต้องแปะป้ายบอกราคา พ่อแม่ต้องทำเองทุกอย่าง มาใช้บาร์โค้ดและบันทึกสินค้าเข้าระบบ
การได้เข้าไปช่วยงานของครอบครัว หลังจบปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำให้เริ่มเห็นโอกาสทางธุรกิจ ประกอบกับช่วงนั้น หรือเมื่อ 20 ปีที่แล้ว บรรดาโมเดิร์นเทรด เริ่มลุกออกสู่ตลาดต่างจังหวัด ทำให้โชห่วยค้าขายลำบาก เพราะเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นไม่สูงนัก อาศัยการขายของที่หลากหลายในปริมาณมากๆ เพื่อนำรายได้มาถัวกัน แต่ก็มีบางสินค้าโดยเฉพาะในกลุ่มสกินแคร์ที่มีมาร์จิ้นที่สูงกว่าสินค้าอื่น คุณบอยและพี่สาวจึงสนใจทำธุรกิจกับสินค้ากลุ่มนี้ จนขยายมาเปิดร้านข้างๆ ชื่อ อีฟแอนด์บอย
อีฟแอนด์บอย ทำตลาดอยู่ในมหาสารคาม และขอนแก่นราว 7 ปี จึงได้ลุกเข้าสู่กรุงเทพฯ ในปี 2555 พร้อมเป้าหมายที่ชัดเจน คือ Beauty Destination ที่ของต้องครบ ขนาดต้องใหญ่ พื้นที่ขั้นต่ำของช้อปต้องไม่ต่ำกว่า 300-400 ตารางเมตร พร้อมทั้งนำเสนอสินค้าด้วยราคาที่ลูกค้าไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องเปรียบเทียบกับที่อื่น
“เราโตจากร้านโชห่วย เรารู้แล้วว่ามาร์จิ้นเราน้อย แต่พ่อแม่เราก็สามารถอยู่ได้ เพราะมีสินค้าตัวอื่นๆ ถัวกัน ของเราก็เหมือนกัน เรามีตัวถัวได้เยอะบ้างน้อยบ้าง เราคิดว่า ไม่ต้องมาร์คอัพราคาเยอะขนาดห้าง เราคิดว่า เท่าไรที่เราอยู่ได้ มันจึงทำให้อีฟแอนด์บอย กลายเป็นแหล่งที่ขายราคาถูกกว่าที่ อื่นไปโดยปริยาย”
และนั่นคือหนึ่งในคีย์ซัคเซสของอีฟแอนด์บอย
“คุณบอย” เล่าว่า ธุรกิจรีเทลเป็นธุรกิจที่มีรายละเอียดเยอะ และปัญหาก็เยอะ ทั้งคนทำงาน คู่ค้า ซัพพลายเออร์ รวมทั้งคู่แข่ง และปัจจัยรอบด้าน เช่น การเมือง โรคระบาด แต่ปัญหาทั้งหมด มันอยู่ที่เราจะแก้ไขอย่างไร อย่างปัญหาช่วง
โควิด ทุกสาขาของอีฟแอนด์บอยต้องปิดหมด รายได้ไม่มี ออนไลน์ก็ยังไม่ไ่ด้ทำ วิธีการแก้ไข คือ ระดมกำลังพนักงานที่มีขับเคลื่อนแพลทฟอร์มออนไลน์จนสำเร็จ จนปัจจุบันสามารถสร้างรายได้จากช่องทางออนไลน์ถึง 400 ล้านบาท ด้วยเวลาไม่ถึง 2 ปีเต็ม
ผู้บริหารไฟแรงคนนี้บอกว่า วิธีคิด (Mindset) เป็นสิ่งสำคัญ แม้จะต้องทำงานหนัก เหนื่อย และยุ่งยาก แต่เขาไม่รู้สึกท้อ หรืออยากเลิก เพราะเป็นสิ่งที่เขาทำแล้วมีความสุข แม้จะต้องทำงานหนัก 365 วันแบบไม่มีวันหยุด... เมื่อมีความสุข มันทำให้เราไม่ท้อ และสามารถสู้กับมันได้ เวลาเราทำอะไรเราทำอย่างมุ่งมั่น ทำจริง และทำให้ดีที่สุด
เป้าหมายของ “คุณบอย” ในแง่ของธุรกิจ เขาตั้งเป้าที่สร้างแบรนด์และขยายสาขาอีฟแอนด์บอยไปในระดับภูมิภาคภายใน 3 ปีหลังจากนี้ โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 18 สาขา และพร้อมที่จะขยายต่อ ด้วยขนาดและมาตรฐานของอีฟแอนด์บอย คือ ต้องใช้พื้นที่ไม่ต่ำกว่า 300-400 ตารางเมตร และต้องมีสินค้าครบ เพื่อตอกย้ำความเป็น Beauty Destination ของอีฟแอนด์บอย นั่นเอง
ปิดท้ายที่คีย์ซัคเซส ของอีฟแอนด์บอย “คุณบอย” บอกว่า ทุกอย่างที่เป็นอีฟแอนด์บอย ทุกอย่างในอีโคซิสเต็มของอีฟแอนด์บอย นั่นคือ คีย์ซัคเซส
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,834 วันที่ 10 - 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565