แม่ทัพ ‘ราช กรุ๊ป’ สานพันธกิจองค์กรยั่งยืน นำกลยุทธ์ 3S ดันรายได้พุ่ง
ผู้นำ “ราช กรุ๊ป” ปักหมุดกลยุทธ์ 3S “Strength-Synergy-Sustainsbility” ขับเคลื่อนองค์กรเติบโตยั่งยืน เผยงบลงทุน 70,000-100,000 ล้านบาท ปี 2566-2570 ขยายธุรกิจ Non-Power เพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทน พร้อมเดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2570
ราช กรุ๊ป บริษัทด้านพลังงานและระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2543 และสามารถเดินหน้าธุรกิจสร้างรายได้เติบโตต่อเนื่องตลอด 23 ปี วันนี้ ภายใต้การนำของแม่ทัพหญิง “ชูศรี เกียรติขจรกุล” ที่เข้ารับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เมื่อ 1 ตุลาคม 2564 แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากและท้าทายมากๆ จากวิกฤตโควิด -19 แต่แม่ทัพหญิงคนนี้ ก็ยังสามารถผลักดันราช กรุีป ให้เติบโตต่อเนื่อง
“ชูศรี” เล่าว่า ตลอดระยะเวลา 35 ปี ที่คลุกคลีและทำงานด้านพลังงานมาตลอด โดยสั่งสมการทำงานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มายาวนาน ตั้งแต่เริ่มทำงาน ก็ค่อยๆ เติบโตมาเรื่อยๆ มีการโยกย้ายหน้าที่บ่อย โดนเปลี่ยนไปอยู่ที่ตรงโน้นทีตรงนี้ที
แต่คิดว่า... การเปลี่ยนงานคือการเรียนรู้ ถือเป็นการสร้างโอกาสให้เราได้พัฒนาตัวเราเอง พอเราไปอยู่ที่หนึ่ง ก็ได้ไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และได้นำความรู้ที่สั่งสมมาทั้งหมดบูรณาการรวมกัน ทำให้มีความเข้มแข็ง รอบรู้ เพราะได้พัฒนาทักษะใหม่ๆ ตลอดเวลา
เริ่มแรกที่ได้รับมอบหมายงานใหม่ “ชูศรี” บอกว่า มีความกังวลใจเหมือนกันว่า จะทำให้เขาได้หรือไม่ เพราะไม่ได้จบมาทางวิศวะ สายงานที่เรียนมาคือ ด้านบัญชี ที่ผ่านมาก็นำความสามารถที่มี บริหารด้านกลยุทธ์การเงิน การลงทุนให้กับ กฟผ. ในตำแหน่งรองผู้ว่าการ กฟผ.แต่เมื่อได้เข้าทำหน้าที่จริงจัง ก็พบว่า ราช กรุ๊ป มีทีมบริหารที่เข้มแข็งอยู่แล้ว เธอในฐานะผู้บริหารสูงสุด ก็ต้องทำหน้าที่ต่อยอด และบาลานซ์งาน การเงิน และคน ให้ลงตัว เพื่อทำให้ราช กรุ๊ป เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น และเติบโตมากขึ้น ตามโจทย์เริ่มต้นที่ได้รับมอบหมายมา
“เราเองก็มีเป้าหมาย ที่ต้องการผลักดันให้ราช กรุ๊ป เติบโตต่อเนื่องอย่างมั่นคง มีผลตอบแทนที่ดี และคุ้มค่าต่อการลงทุน” ซีอีโอ ราช กรุ๊ป เปรยให้ฟัง
ตอนเข้ารับตำแหน่ง “ชูศรี” ได้ประกาศเป้าหมายปี 2568 ที่จะเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าของราช กรุ๊ป ให้ได้ 10,000 เมกะวัตต์ และในวันนี้ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ราช กรุ๊ป มีกำลังผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 9,801.85 เมกะวัตต์ คาดว่าถึงสิ้นปี 2566 จะเพิ่มเป็น 11,500 เมกะวัตต์ ถือได้ว่า เป้าหมายแรกที่ตั้ง สำเร็จก่อนกำหนดถึงสองปีเต็ม
ล่าสุด “ชูศรี” ยังได้นำกลยุทธ์ 3S คือ Strength, Synergy, Sustainsbility มาขับเคลื่อนองค์กร พร้อมประกาศเป้าหมายปี 2566-2570 ภายใต้งบลงทุน 70,000-100,000 ล้านบาท ที่จะต้องบรรลุเป้าหมาย 4 ด้าน ได้แก่ เป้าหมาย EBITDA เติบโตจาก 12,000 ล้านบาทในปี 2566 เป็น 15,000 ล้านบาทในปี 2570 เป้าหมายการขยายธุรกิจ Non-Power เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 5% ในปีนี้ และปี 2570 ธุรกิจนี้จะสร้างรายได้ให้บริษัทฯ 5%
นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนให้ได้ 20% ของกำลังการผลิตรวม และเพิ่มขึ้นมาเป็น 25% ตั้งแต่ปี 2568 รวมถึงเป้าหมายการพัฒนาการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาลให้ทัดเทียมกับมาตรฐานสากล และเตรียมเดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2570
พร้อมกันนี้ ยังมองหาโอกาสขยายการลงทุนในเวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งมีแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโครงการพลังงานทดแทน และเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งมีทั้งโครงการที่จะเข้าซื้อกิจการหรือควบรวม (M&A) ในเวียดนามและฟิลิปปินส์ และโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะปิดดีลได้ภายในปี 2566 เป็นต้น
“ชูศรี” เล่าว่า กันยายน 2566 นี้ ก็จะเกษียณอายุการทำงาน ซึ่ง ณ ขณะนี้ เธอยังคงเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ และอยากจะฝากถึงคนทำงาน ที่ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาว่า...ถ้าเรามีความตั้งใจที่จะเรียนรู้จริงๆ เราก็จะทำได้ ต้องคิดว่า สิ่งที่เขามอบหมายมา สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ตลอด หากคิดได้เช่นนี้และลงมือทำ เชื่อว่า ทุกคนจะประสบความสำเร็จได้ เช่นเดียวกับที่เธอสำเร็จมาแล้วแน่นอน
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,874 วันที่ 30 มีนาคม - 1 เมษายน พ.ศ. 2566