ครบรอบ 20 ปีความสำเร็จสำหรับ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC บริษัทอสังหาริมทรัพย์แถวหน้าของเมืองไทย ที่ได้จับมือกับดีไซน์เนอร์ไทยชื่อดัง มิลิน ยุวจรัสกุล จากแบรนด์ “มิลิน” (Milin) ร่วมออกแบบชุดยูนิฟอร์มพนักงานขาย เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ผู้เข้าเยี่ยมชมโครงการ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ซันฟลาวเวอร์ มายด์เซ็ต” (Sunflower Mindset) ที่เอสซีแอสเสท มีแนวคิด
หยิบแก่นหัวใจหลักของการบริการที่เปรียบเสมือนตัวเองเป็นดอกทานตะวัน สดใสและลูกค้าคือ พระอาทิตย์ สาดแสงมา ตีโจทย์ ผ่าน “ซิลลูเอท” ภาพโครงร่าง ที่ไม่มีรายละเอียดโดยเพิ่มลวดลายและสาดความสดใสจากสีส้มที่เป็นสีประจำแบรนด์เอสซี แอสเสทสีโทนอุ่นที่สื่อถึงดอกทานตะวันและพระอาทิตย์ กลายเป็นชุดที่มีดีไซน์โมเดิร์นลักชัวรีตามแบบฉบับแบรนด์มิลิน ที่สะท้อนความอบอุ่นที่มีให้กัน อย่างยั่งยืน
เกิดภาพจำ การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ภายใต้การบริหารงานของคุณพงศ์ “ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอสซีแอสเสท ผู้นำการเป็น Living Solutions Provider นับตั้งแต่ต้นปี 2561 เพื่อให้ทันกับยุค 4.0 และการมี Digital เปลี่ยนผ่านตัวเองจากดีเวลลอปเปอร์ที่เดิม ที่มองแค่เรื่องสินค้าและบริการ มาเป็นการวิเคราะห์และพัฒนาสินค้าตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าออกแบบให้ตรงไลฟ์สไตล์มากที่สุด โดยมีแผนระยะยาวและเดินตามกรอบที่วางไว้ได้อย่างลงตัว
การครบรอบ 20 ปี จะมีการเปิดเรื่องราวเอสซี มีไฮไลท์ จะเปิดคอนโดมิเนียมโคป เกษตร-ศรีปทุม ศูนย์เมตรบางบัวเปิดตัวครั้งแรก วันที่ 19 ตุลาคม และเปิดขายวันที่ 20 ตุลาคมนี้ สร้างความฮือฮาตลาดในย่านพลโยธิน หลังเป็นโครงการคอนโดมิเนียมหรู ห้าแยกลาดพร้าว The Crest Park Residences ทำเลติดรถไฟฟ้า BTS และ MRT ติดห้างยูเนียน มอลล์ และเซ็นทรัล ลาดพร้าว มาแล้ว
ภายหลังจากการ ก้าวข้าม สถานการณ์โควิด ได้ขับเคลื่อนขับเคลื่อนบนยุทธศาสตร์ “SC Thriving Beyond” องค์กรและการพัฒนาธุรกิจตามแผนปี 2566-2570 ภายใต้วิสัยทัศน์ เติบโต อย่างมีคุณภาพ แบบเหนือชั้นและยั่งยืน มุ่งสร้างคุณค่าสู่คนและโลก ดำเนินธุรกิจภายใต้ 4 แกนหลัก คือ 1. ลูกค้า 2 .พนักงาน 3. สิ่งแวดล้อม และ 4.องค์กร ของเอสซีแอสเสทที่ว่า 5 ปี จะมีรายได้ ทะยานสู่ 150,000 ล้านบาท อย่างมั่นคง และการร่วมลงทุนกับ “สโคป” เมื่อปี2562
พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมซูเปอร์ลักชัวรี “สโคปหลังสวน” แบรนด์ที่สร้างความฮือฮา และปิดการขายลงได้อย่างสวยงามเมื่อไม่นานมานี้ กับราคาขายต่อตารางเมตรทุบสถิติ สูงที่สุดในเมืองไทย ที่กว่า 1 ล้านบาทต่อตารางเมตร รวมถึงการมีโมเดลธุรกิจ ที่ไม่ใช่เพียงอสังหาริมทรัพย์รูปแบบบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียมแต่มีธุรกิจอพาร์ทเมนต์ที่ต่างแดน ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจการบริหารหลังการขาย สร้างการเติบโตแบบยั่งยืนและมีแผน
คุณพงศ์ มองว่าทุกค่ายและทุกอุตสาหกรรม ทั่วโลกได้รับผลกระทบเหมือนกันแต่ ซึ่งบทเรียนครั้งนั้น กลายเป็นจุดเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคที่ไม่เหมือนเดิมที่เอสซีเอสเสท ต้องนำมาปรับเข้ากับการทำธุรกิจ และโมเดลธุรกิจต้องมีมากกว่า การทำธุรกิจเดียว ที่ทำให้ต้องตระหนักถึงเหตุที่ไม่คาดฝันและการตั้งรับ ซึ่งที่ผ่านมา เอสซีแอสเสท ได้เปรียบตรงที่ได้ปรับตัว มาก่อนหน้านี้ ตามแผนยุทธศาสตร์การใช้ดิจิทัลเข้ามาเป็นตัวสนับสนุนสำคัญของการขายและสื่อสารกับลูกค้า
ขณะเดียวกันต้องเปลี่ยนวิธีคิดที่ว่า “ทำเล-ทำเล-ทำเล” เป็น “ทำเล-ทำเล-ดีไซน์” หลังเกิดสถานการณ์โควิด คุณพงศ์ยกตัวอย่าง การมองหาที่ดิน ทำเลศักยภาพ ที่ไม่ต้องเป็นแปลงใหญ่ แต่หากหาได้แปลงขนาดเล็ก แต่สามารถออกแบบได้ตอบโจทย์ลงตัว มีความปลอดภัย ทั้งร่างกายและจิตใจหรือเป็นแปลงขนาดเล็กมาก พัฒนาโครงการได้จำนวนจำกัดไม่กี่หลัง ก็ทำได้เพียงออกแบบให้ออกมาโดนใจที่หมายถึงการออกแบบที่เป็นระดับลักชัวรีไปก็เป็นได้ ซึ่งที่ผ่านมาเอสซีแอสเสท พัฒนาโครงการรองรับกลุ่มลูกค้า ทุกกลุ่มวัย โดยเฉพาะในปี 2566 เป็นต้นไปได้ให้ความสำคัญกับคนและสิ่งแวดล้อม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและเน้นโลว์คาร์บอนในโครงการ
หัวใจหลักคือลูกค้า ที่ให้ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ มุ่งมั่นส่งมอบสินค้าและบริการคุณภาพสูง พัฒนาสินค้าทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม สรรหาและคิดค้นนวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยหลากหลายราคา รูปแบบการใช้ชีวิต และเจเนอเรชั่น เพื่อลูกค้ามีคุณภาพชีวิตที่ดี ไร้ความกังวลในการใช้ชีวิต
ปี 2566 มีแผนการเปิดโครงการใหม่รวม 25 โครงการ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบ เปิดใหม่ 22 โครงการ รวมมูลค่า 30,000 ล้านบาท มีผลการดำเนินการครึ่งปีแรก ของปีนี้ สร้างรายได้ 10,136 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,128 ล้านบาทและครึ่งปีหลังเปิดโครงการต่อเนื่อง 15 โครงการมูลค่ารวมกว่า 23,000 ล้านบาท รักษาสถานะผู้นำในตลาดบ้านเดี่ยวคุณภาพสูง หลังประสบความสำเร็จ ด้วยไฮไลท์โปรดักส์ คือ “No1LuxuryHome” โครงการ “95E1” (ไนน์-ตี้-ไฟว์-อีสต์-วัน) แบรนด์บ้านใหม่ในเซ็กเมนต์ Ultimate Luxury ราคาเริ่มต้นสูงสุดที่เคยเปิดขายมา ด้วยราคาเริ่มต้น 100 ล้านบาท จำนวนจำกัดเพียง 10 ยูนิต มูลค่าโครงการ 970 ล้านบาท
“OneSizeDoesNotFitAll” มีการตอบรับอย่างดีสำหรับ “บ้านคนโสด”ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดเรื่องการพัฒนาบ้านที่ออกแบบเพื่อไลฟ์สไตล์ที่มีความเฉพาะบุคคลด้วยการเปิดตัว “บ้านเกมเมอร์” (Gamer’s Home) บ้านที่ร่วมออกแบบโดยเกมเมอร์ชื่อดัง Willcomeback และ MNJ TV เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของบ้านในสายอาชีพยุคใหม่มาแรง อย่าง Streamer หรือ Content Creator ณ โครงการ Venue ID มอเตอร์เวย์-พระราม 9 ราคาเริ่มต้น 14.29 ล้านบาท และมีโครงการพัฒนาบ้านที่ออกแบบเฉพาะสำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์ Introvert และ Extrovert ในอนาคต
“SCHomesForAll” สร้างบ้านตอบโจทย์ลูกค้าครอบคลุมทุกกลุ่มราคา ที่มีสินค้าบ้านเปิดขายในราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 2.5 ล้านบาท ไปจนถึงมากกว่า 150 ล้านบาท ด้วยการเปิดตัวบ้านซีรีส์ใหม่ของแต่ละ Sub-brand เพื่อลงแข่งขันครองความเป็นผู้นำบ้านเดี่ยว
คุณพงศ์ มองว่า การ มีหลายโมเดลธุรกิจเป็นเรื่องที่ดีเพราะ ช่วยกระจายความเสี่ยงและสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจ ขณะการเติบโตในแต่ละปี จะเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทที่วางไว้ โดยปีหน้ามองว่าเศรษฐกิจจะเป็นปีที่ดีว่าปีนี้ ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกถดถอย และได้เห็นการทำงานของรัฐบาลใหม่ขับเคลื่อนการทำงานอย่างเต็มที่ มีมาตรการต่างๆเข้ามาสนับสนุน
ภาพรวมสัญญาณดอกเบี้ยขาขึ้นอ่านจากความชัดเจน แม้ว่าเป็นปัจจัยกระทบต่อต้นทุน แต่เป็นลักษณะการขึ้นแบบไม่เหวี่ยงหวือหวาเหมือนที่ผ่านมา เช่นเดียวกับความชัดเจนทางการเมือง เรื่องมีนโยบายความเชื่อมั่นคนดีขึ้นมาตรการกระตุ้นเร็ว เห็นผลทันที ตามนโยบาย “ควิกวิน” (Quick Win) เช่น วีซ่าฟรี เงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่สามารถมองเห็นการกระตุ้นกำลังซื้อที่ทำให้เศรษฐกิจกลับมาเติบโตได้มาก
คุณพงศ์ ย้ำว่าแม้ปีนี้จะมีความคาดหวังกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ แต่ดูเหมือนมาไม่สุดทาง เมื่อถามถึงปีหน้าเอสซีแอสเสทจะเติบโต มากน้อยแค่ไหนนั้น คำตอบที่ได้คือ โตตามแผนที่วางไว้คือ ยุทธศาสตร์ 5 ปี รายได้ 150,000 ล้านบาท นั้นเอง แต่สิ่งที่สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ที่เอสซีแอสเสทมุ่งเน้นเป็นพิเศษคือ “คนกับสิ่งแวดล้อม”
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,930 วันที่ 12 - 14 ตุลาคม พ.ศ. 2566