climatecenter

UN เตือน 'สภาพอากาศนรก' อุณหภูมิโลกพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์

    ผู้เชียวชาญชี้ 12 เดือนที่ผ่านมา อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมีโอกาส 80% ที่จะพุ่งสูงขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้

สภาพภูมิอากาศของโลกกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ ล่าสุด สำนักงานตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของสหภาพยุโรป (The Copernicus Climate Change Service (C3S)) เปิดเผยว่า ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกสูงกว่ายุคก่อนอุตสาหกรรมถึง 1.63 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

บรรดานักวิทยาศาสตร์เตือนว่า จากข้อมูลสภาพภูมิอากาศล่าสุดแสดงให้เห็นว่าโลกกำลัง "ผิดแผน" และกำลังเผชิญกับ "สภาพอากาศนรก" หากไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิโลกให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 1.5 องศาเซลเซียส ตามเป้าหมายความตกลงปารีสปี 2015 โดยขณะนี้มีโอกาส 80% ที่ในช่วง 5 ปีข้างหน้า จะมีปีใดปีหนึ่งที่อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกจะทะลุ 1.5 องศาเซลเซียส

 

 

อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติแสดงความกังวลว่า โลกกำลังมุ่งไปสู่วิกฤตภูมิอากาศอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นอย่างยิ่งในการลดการผลิตและใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลทั่วโลกลงร้อยละ 30 ภายในปี 2030

 

ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ระบุว่า ปี 2023 เป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่อุณหภูมิสูงกว่ายุคก่อนอุตสาหกรรม 1.45 องศาเซลเซียส โดยมีโอกาสร้อยละ 80 ที่อุณหภูมิจะพุ่งสูงขึ้นอีกในอีก 5 ปีข้างหน้า

 

โดยสาเหตุสำคัญมาจากการเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ส่งผลให้ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งจะนำไปสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจหลายล้านล้านดอลลาร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตนับล้านจากสภาพอากาศรุนแรง และสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพเสียหายอย่างกว้างขวาง

 

"เราจำเป็นต้องดำเนินการแก้ไขวิกฤตนี้อย่างเร่งด่วนมากขึ้น เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มิเช่นนั้นเราจะต้องยอมจ่ายราคาที่เพิ่มสูงขึ้นในแง่ของต้นทุนทางเศรษฐกิจหลายล้านล้านดอลลาร์ ชีวิตหลายล้านชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่รุนแรงยิ่งขึ้น และความเสียหายอย่างกว้างขวางต่อสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ" โค บาร์เร็ตต์ รองเลขาธิการองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก WMO กล่าว

 

นอกจากนี้ ยังมีหลายปรากฏการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น เช่น การสูญเสียธารน้ำแข็งในแอนตาร์กติกอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับการคาดการณ์ว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้โลกร้อนขึ้น ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในหลายพันปีที่ผ่านมา

 

ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่า ภาวะวิกฤตภูมิอากาศครั้งนี้เป็นความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ จำเป็นต้องมีความร่วมมือจากทุกฝ่ายอย่างเร่งด่วน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผันตัวไปใช้พลังงานสะอาด ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและการผลิต มิฉะนั้น โลกจะตกอยู่ในสภาวะ "สภาพอากาศนรก" ที่ไม่มีวันย้อนกลับออกมาได้อีกในอนาคต​​

 

อ้างอิง: