ส่องโปรไฟล์ "เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รมว.ทรัพยากรธรรมชาติ คนใหม่ ในครม.อิงค์1

เฉลิมชัย ศรีอ่อน หรือ "ต่อ" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนปัจจุบัน เกิดเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2508 ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หนึ่งในนักการเมืองที่เติบโตมาจากนักการเมืองท้องถิ่น ขึ้นมามีบทบาทสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งใน "พรรคประชาธิปัตย์"

ก่อนหน้านี้เคยได้รับตำแหน่งสำคัญต่างๆในรัฐบาลมากมาย อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

และปัจจุบันดำรงตำแหน่ง "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม" คนใหม่ในรัฐบาลของ "แพทองธาร ชินวัตร"

การศึกษา

เฉลิมชัย ศรีอ่อน จบการศึกษาระดับปริญญาตรี นิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง และปริญญาโทด้านนโยบายและการวางแผนจากมหาวิทยาลัยเกริก ต่อมาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านยุทธศาสตร์การพัฒนาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร 

บทบาทในวงการเมือง

เฉลิมชัยเริ่มเข้าสู่การเมืองในปี พ.ศ. 2533 ในตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์(สจ.) และได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในปี พ.ศ. 2544 และหลายสมัยนับจากนั้นในนามพรรคประชาธิปัตย์

ด้วยประสบการณ์ทางการเมือง ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลต่างๆ รวมถึงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เฉลิมชัย ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2566 จนถึงปัจจุบัน ที่เข้าร่วมรัฐบาลของแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งเฉลิมชัยได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคนใหม่ ต่อจาก "พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ" ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ

ย้อนไปเมื่อ 29 สิงหาคม 2567 ในการประชุมกรรมการบริหาร และ สส.พรรคประชาธิปัตย์ "เฉลิมชัย ศรีอ่อน ในฐานหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงภายหลังการประชุมที่ยาวนานว่า มีมติให้พรรคเข้าร่วมรัฐบาล โดยมีคะแนนเห็นด้วย 34 เสียง ไม่เห็นด้วย 4 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง

โดยพรรคได้รับการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี 2 ตำแหน่ง ได้แก่ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะดำรงโดยนายเฉลิมชัย และ รมช.สาธารณสุข ซึ่งจะดำรงโดยนายเดชอิศม์ ขาวทอง

นายเฉลิมชัย ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการทุกอย่างตามข้อบังคับพรรค โดยรับฟังความคิดเห็นหลากหลายจากสมาชิก ก่อนที่จะตัดสินใจด้วยมติพรรค นอกจากนี้ พรรคจะนำจุดยืนและนโยบายของพรรคไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อบรรจุเป็นนโยบายของรัฐบาลในอนาคต