"Rain Bomb" หมายถึงการตกหนักอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ความเสียหายเกิดขึ้นก่อนที่น้ำจะลดลง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือเหตุการณ์น้ำท่วมในภูเก็ต ออสเตรเลีย และสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งหลายพื้นที่ไม่เคยมีประวัติการเกิดน้ำท่วมมาก่อน
ฝน "Rain Bomb" มีลักษณะท้องฟ้าสว่าง มีแดดโล่ง จากนั้นจึงเกิดฝนฟ้าคะนองขึ้นอย่างกะทันหัน ฝนจะตกหนักในระยะเวลาสั้น ๆ แบบตูมเดียว
รายงานฉบับใหม่ของ Climate Council เรื่อง 'A Supercharged Climate: Rain Bombs, Flash Flooding and Destruction' อธิบายว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศทำให้เกิดฝนตกหนักมากขึ้น และความถี่ของเหตุการณ์เหล่านี้มีแนวโน้มจะเพิ่มเกือบ 2 เท่าทุกครั้งที่โลกร้อนขึ้น
ปรากฏการณ์นี้อาจเกิดขึ้นอีกในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณที่มีร่องมรสุมและไอน้ำสะสมมาก ทำให้ต้องมีการเตรียมตัวรับมือ เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน เน้นย้ำว่าการคาดการณ์ Rain Bomb ยังทำได้ยาก จึงควรศึกษาสภาพแวดล้อมและความเสี่ยงรอบบ้าน
ขณะเดียวกัน ปลัด กทม. ขอความร่วมมือประชาชนให้เฝ้าระวัง รับฟังการแจ้งเตือน และ ไม่ทิ้งขยะในแม่น้ำลำคลอง หรือ กากอาหารลงในท่อระบายน้ำ เนื่องจากจะเกิดตะกอนไขมันอุดตันท่อ ส่วนพื้นที่ก่อสร้างที่กีดขวางทางน้ำ สำนักการระบายน้ำได้ดำเนินการคลี่คลายแล้วหลายพื้นที่ ส่วนพื้นที่สาธารณะที่ยังมีปัญหาได้มีการทำบายพาส ออกด้านข้างเรียบร้อยแล้ว พร้อมเฝ้าระวังติดตามน้ำที่ปล่อยลงมาจากเขื่อนเจ้าพระยา ตอนนี้ยังถือว่าบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครมีโอกาสพบฝนตกหนัก เนื่องจากมีอิทธิพลจากร่องมรสุม และหย่อมความกดอากาศต่ำที่ก่อตัวในทะเลจีนใต้ ซึ่งจะดึงมรสุมให้มีความแรงมากขึ้น นอกจากนี้ แนวร่องมรสุมที่พาดผ่านกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมกับอิทธิพลจากพายุดีเปรสชันที่กำลังทวีความรุนแรงเป็นพายุโซนร้อนในภาคอีสาน ทำให้มีโอกาสพบฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง
พยากรณ์อากาศล่วงหน้าในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ในช่วงวันที่ 20 – 21 กันยายน 2567 มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นร้อยละ 60 – 70 ของพื้นที่ โดยบางแห่งจะมีฝนตกหนัก ส่วนในช่วงวันที่ 22 – 25 กันยายน 2567 คาดว่าฝนฟ้าคะนองจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 70 – 80 และมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ ลมจะมีการแปรปรวน ความเร็วประมาณ 10 - 20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 24 - 27 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 29 - 36 องศาเซลเซียส
อย่างไรก็ตาม มีหลายประเทศที่ประสบความสำเร็จในการรับมือกับฝนตกหนักหรือพายุที่มีลักษณะคล้าย Rain Bomb โดยใช้การวางแผนด้านโครงสร้างพื้นฐานและนโยบายในการป้องกันน้ำท่วมอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงการออกแบบเมืองและการจัดการพื้นที่สีเขียว เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ประเทศเหล่านี้ประสบความสำเร็จในการรับมือกับปัญหาน้ำท่วมจากฝนตกหนัก
เนเธอร์แลนด์
สิงคโปร์
ญี่ปุ่น
เดนมาร์ก
เกาหลีใต้
อ้างอิงข้อมูล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง