climatecenter

ยักษ์ใหญ่โซลาร์เซลล์จีนย้ายฐานผลิตสู่เอเชียอาคเนย์ เลี่ยงภาษีสหรัฐฯ

    การขยายตัวของภาษีสหรัฐฯ ผลักดันโรงงานโซลาร์เซลล์จีนย้ายฐานผลิตไปยังอินโดนีเซียและลาว หลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการทางการค้าใหม่

การย้ายฐานการผลิตของบริษัทยักษ์ใหญ่โซลาร์เซลล์จีนไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ล่าสุด โรงงานในเวียดนามได้ลดการผลิตและปลดพนักงานจำนวนมาก หลังจากสหรัฐฯ ประกาศขยายการเก็บภาษีการค้าไปยังหลายประเทศในภูมิภาคนี้ สร้างแรงกดดันให้บริษัทจีนหาทางออกใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว

รอยเตอร์สรายงานว่า โรงงานโซลาร์เซลล์หลายแห่งของจีนในเวียดนามกำลังเผชิญการลดกำลังผลิตอย่างต่อเนื่อง เช่น โรงงานขนาดใหญ่ในจังหวัดบั๊กซางของ Longi Green Energy Technology ที่มีการปลดพนักงานจำนวนมากและลดการผลิตไปหลายสาย และในจังหวัดไทยเหงียน โรงงานของ Trina Solar ก็หยุดการผลิตบางส่วนเช่นกัน ภาษีที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบให้การผลิตในเวียดนามต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับต้นทุนที่สูงขึ้น

ขณะที่เวียดนามกำลังประสบปัญหาดังกล่าว ประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียและลาวกลับกลายเป็นแหล่งลงทุนใหม่ของบริษัทจีน บริษัทจีนที่จัดตั้งโรงงานในอินโดนีเซียและลาวได้รับผลดีจากการไม่ถูกควบคุมโดยมาตรการภาษีของสหรัฐฯ โรงงานโซลาร์เซลล์ใหม่ที่สร้างขึ้นในสองประเทศนี้มีความสามารถผลิตรวมกันกว่า 22.9 กิกะวัตต์ ซึ่งสามารถรองรับความต้องการตลาดในสหรัฐฯ ได้กว่าครึ่งของปริมาณแผงโซลาร์ที่ติดตั้งในปีที่ผ่านมา

การเคลื่อนย้ายฐานการผลิตของจีนครั้งนี้เป็นการหลีกเลี่ยงมาตรการทางการค้าที่ซับซ้อนและเป็นการขยายฐานการผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในอินโดนีเซียมีโครงการตั้งโรงงานผลิตขนาดใหญ่ เช่น โรงงานของ Thornova Solar ที่สามารถผลิตแผงโซลาร์ได้ถึง 2.5 กิกะวัตต์ และยังมีการขยายโครงการของบริษัทอื่นๆ ตามมา

บรรดาบริษัทโซลาร์สหรัฐฯ ได้พยายามร้องเรียนให้มีการใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นในเรื่องภาษีที่จำเป็นเพื่อสร้างความยุติธรรมแก่ผู้ผลิตในประเทศ ขณะที่บริษัทจีนโต้กลับว่าต้นทุนที่ถูกกว่านั้นมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและความเชี่ยวชาญในการผลิตมากกว่าการได้รับการสนับสนุนจากรัฐ

ในด้านการเมือง การควบคุมการค้าและภาษีระหว่างจีนและสหรัฐฯ เป็นประเด็นสำคัญของการเลือกตั้งสหรัฐ 2024 โดยฝ่ายรีพับลิกันนำเสนอแผนการขึ้นภาษีเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศ ส่วนฝ่ายเดโมแครตแม้ไม่เห็นด้วยกับภาษีในอัตราที่สูง แต่ก็สนับสนุนการใช้นโยบายเข้มงวดกับสินค้านำเข้าจากจีนในอุตสาหกรรมที่สำคัญ

การย้ายฐานการผลิตของจีนไม่ได้จำกัดแค่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น แต่ยังมีแผนขยายไปยังประเทศอื่นๆ เช่น ซาอุดีอาระเบีย โดยบริษัท JinkoSolar ได้ประกาศแผนสร้างโรงงานขนาดใหญ่เพื่อรองรับความต้องการแผงโซลาร์ในภูมิภาคนี้ พร้อมทั้งมีการสร้างโรงงานในสหรัฐฯ เพื่อผลิตแผงโซลาร์ป้อนตลาดภายในประเทศให้มากขึ้น

อุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้สะท้อนถึงเกมกลยุทธ์การผลิตที่ซับซ้อนระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯ พยายามรักษาการแข่งขันและอุตสาหกรรมในประเทศให้แข็งแกร่ง ขณะที่จีนใช้วิธีการขยับฐานการผลิตเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีและขยายฐานตลาดในต่างประเทศ

ในอนาคต ความคืบหน้าในอุตสาหกรรมนี้และมาตรการที่เข้มงวดจากสหรัฐฯ คงจะเป็นเรื่องที่ต้องจับตามอง เพราะจะส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาการใช้พลังงานสะอาดและราคาที่ผู้บริโภคในสหรัฐฯ ต้องจ่าย