บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP หนึ่งในผู้นำในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคและมีคาร์บอนฟุตพรินต์ที่ต่ำที่สุดรายหนึ่ง ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของประชาคมโลกที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยโลกไม่ให้เพิ่มสูงกว่า 1.5 องศาเซลเซียส รวมถึงเป้าหมายของประเทศตามแผนการมีส่วนร่วมของประเทศในการลดก๊าซเรือนกระจกและการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Nationally Determined Contribution: NDC)
บริษัท CKP จึงได้จัดทำกลยุทธ์การบริหารจัดการพลังงานและกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ครอบคลุมการทำงานทั่วทั้งองค์กร สอดคล้องตามมาตรฐานสากล และแนวปฏิบัติการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ (Task Force on Climate-Related Financial Disclosures: TCFD) เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 (Net Zero GHG Emissions by 2050) ประกอบไปด้วย 5 ด้าน ในการขับเคลื่อนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้แก่
1.การลดใช้พลังงาน มีเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร ผ่านการดำเนินงานโครงการต่างๆ ในทุกหน่วยงาน
2.การเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อการใช้พลังงานในการผลิตไฟฟ้า เช่น การจัดทำโครงการอนุรักษ์พลังงานอย่างต่อเนื่อง และมุ่งการขยายการลงทุนในโครงการที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การศึกษาการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงไฮโดรเจนผสมก๊าซธรรมชาติ
3. เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้ได้กว่า 95% ของกําลังการผลิตทั้งหมด ภายในปี 2586 จากปี 2566 มีสัดส่วนราว 93%
4. เพิ่มการใช้ไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในองค์กรทั้งหมดให้ได้ 100% รวมถึงการใช้ใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียนเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่คงเหลือ ภายในปี 2586
5.เพิ่มโอกาสทางธุรกิจเพื่อขยายการลงทุนสีเขียวและธุรกิจใหม่ที่มุ่งเน้นใช้เทคโนโลยีด้านพลังงานหมุนเวียนที่ทันสมัยระดับโลก อาทิ การศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุุนเวียนอื่น ๆ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ และระบบกักเก็บพลังงาน (Solar + Energy Storage System) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำแบบสููบกลับ (Pump-Storage) โครงการพัฒนาไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) และแอมโมเนียสีเขียว (Green Ammonia) โครงการศึกษาความเป็นไปได้ ในการใช้ไฮโดรเจนผสมกับก๊าซธรรมชาติ (LNG) เพื่อเป็นเชื้อเพลิงสำหรับการผลิตไฟฟ้า ที่โรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น เป็นต้น
นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower (ชื่อย่อหลักทรัพย์: CKP) เปิดเผยว่า บริษัท มีความมุ่งมั่นในการเดินหน้าสู่เป้าหมายตามแผนงาน CKP NET ZERO EMISSIONS 2050 เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่สามารถปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 จากการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในการผลิตไฟฟ้าได้ดีกว่าเป้าหมาย 0.86% นอกจากการบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าแล้ว บริษัทได้มีการปรับใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนภายในองค์กรเพิ่มขึ้น เช่น การเปลี่ยนมาใช้รถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าและรถไฮบริดในการขนส่งภายในสำนักงานและโรงไฟฟ้าในเครือฯ
ขณะที่การจัดการพลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก คาดการณ์ตลอดปี 2567 จะต่ำกว่าค่ากลางการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อการผลิตไฟฟ้าของประเทศถึง 87% จากช่วงครึ่งปีแรก 2567 ที่ต่ำกว่าถึง 83% โดยในปี 2566 บริษัทปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียง 0.0691 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ต่อการผลิตไฟฟ้า 1 เมกะวัตต์-ชั่วโมง (MWh) ซึ่งต่ำกว่าค่ากลางการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Thailand Grid) ที่ 0.4999 tCO2e/MWh ถึง 86%
นอกจากนี้ บริษัทมีการพัฒนานวัตกรรมด้านการลดการใช้พลังงาน รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าและกระบวนการต่างๆ ภายในองค์กรมาอย่างต่อเนื่อง โดยช่วง 6 เดือนแรกในปี 2567 บริษัทลดการใช้พลังงานได้ถึง 2,883 MWh (ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 1,313 tCO2e) หรือหากเทียบกับโครงการกรุงเทพปิดไฟ 1 ชั่วโมง เท่ากับ 119 ชั่วโมง จากในปี 2566 สามารถลดการใช้พลังงานทั้งหมด 5,101 MWh (ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 2,051 tCO2e) หรือหากเทียบกับโครงการกรุงเทพปิดไฟ (Earth Hour 2024) 1 ชั่วโมง เท่ากับ 186 ชั่วโมง นับเป็นส่วนสำคัญในภาคการผลิตไฟฟ้าที่ช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
อีกทั้ง บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน จากปี 2565 ที่มีกำลังผลิตอยู่ที่ 89% ปัจจุบันเพิ่มสัดส่วนได้ถึง 93% ส่งผลผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดส่งให้กับประเทศไทยประมาณ 8.5 ล้านเมกะวัตต์-ชั่วโมง หรือประมาณ 17% ของไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่ใช้ในประเทศไทย โดยในปี 2566 บริษัทช่วยหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึงประมาณ 4.4 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง