วันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ในงานประชุม COP29 ณ เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน ผู้แทนจากสมาคมตลาดคาร์บอนระดับแนวหน้าของอาเซียนได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (Memorandum of Collaboration - MoC) เพื่อสนับสนุนการพัฒนา "กรอบการดำเนินงานตลาดคาร์บอนร่วมของอาเซียน" หรือ ASEAN Common Carbon Framework (AACF) โดยเป้าหมายสำคัญคือการสร้างมาตรฐานและแนวทางที่โปร่งใสสำหรับการซื้อขายคาร์บอนเครดิตภายในภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนอาเซียนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
การลงนามในครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างสมาคมตลาดคาร์บอนจาก 5 ประเทศ ได้แก่ Carbon Markets Club จากประเทศไทย Malaysia Carbon Market Association (MCMA) จากมาเลเซีย ASEAN Alliance on Carbon Market (AACM) Indonesia Carbon Trade Association (IDCTA) จากอินโดนีเซีย และ Singapore Sustainable Finance Association (SSFA) จากสิงคโปร์ โดยมีผู้แทนจากทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมเป็นสักขีพยาน
กรอบ AACF ได้รับการพัฒนาเพื่อส่งเสริมการค้าและพัฒนาคาร์บอนเครดิตในรูปแบบที่ยั่งยืน มุ่งเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรผ่านการฝึกอบรมด้านเทคนิค และลดอุปสรรคในการซื้อขายคาร์บอนข้ามพรมแดน ภายใต้ความร่วมมือนี้ อาเซียนมุ่งเน้นการวางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างตลาดคาร์บอนที่มีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงกันทั้งภูมิภาค
นายนิก นัซมี บิน นิก อะฮ์มัด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมมาเลเซีย กล่าวย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือครั้งนี้ว่า "นี่เป็นก้าวสำคัญในการสร้างยุทธศาสตร์ความเป็นกลางทางคาร์บอนของอาเซียนให้เป็นจริง เราหวังว่าอาเซียนจะก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการดำเนินงานสภาพภูมิอากาศระดับโลก"
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ก่อตั้ง Carbon Markets Club กล่าวว่า "ในฐานะคลับรักษ์โลกลดก๊าซเรือนกระจกของภาคเอกชนแห่งแรกของประเทศไทย ที่สนับสนุนการซื้อขายคาร์บอนเครดิตและสร้างความตระหนักรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เราภูมิใจที่ได้เติบโตจากสมาชิกผู้ก่อตั้ง 11 รายสู่ 1,300 รายภายในเวลาเพียง 3 ปี เราให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และมีความมุ่งมั่นในการร่วมสร้างตลาดคาร์บอนที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ เรามีความตั้งใจที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรในระดับภูมิภาค สนับสนุนกรอบการดำเนินงานตลาดคาร์บอนร่วมของอาเซียน เพื่อปูทางสู่อนาคตที่ยั่งยืนและคาร์บอนต่ำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสร้างความมั่นใจว่าความพยายามร่วมกันของเราจะส่งผลในระดับโลกอย่างแท้จริง"
ทั้งนี้ กรอบ AACF จะช่วยเพิ่มความโปร่งใสในตลาดคาร์บอน เสริมสร้างความร่วมมือข้ามพรมแดน และช่วยให้ภูมิภาคนี้บรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกในระยะยาว ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่างสมาคมทั้งห้าและการสนับสนุนจากองค์กรระดับภูมิภาคจะเป็นรากฐานสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอาเซียนให้กลายเป็นผู้นำด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง