การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยยะสำคัญ ขณะที่การเปลี่ยนของโลกที่มุ่งหน้าสู่ความยั่งยืน การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในยุคปัจจุบันจึงไม่ใช่แค่เพียงการสร้างที่อยู่อาศัยหรือโครงการพาณิชยกรรม แต่ยังต้องสอดรับกับความยั่งยืนและการรักษาสิ่งแวดล้อม
บนเวทีเสวนา Sustainability Forum 2025: Synergizing for Driving Business ที่จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบ
ได้นำเสนอแนวคิดในเซสชั่น Sharing the Sustainable Society from the Experience โดยเผยวิสัยทัศน์ ในการพัฒนาโครงการของกลุ่มบริษัทเฟรเซอร์พร็อพเพอร์ตี้ ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เกิดความเข้าใจในอสังหาริมทรัพย์ มาผสานร่วมกับการพัฒนาเมืองกรุงเทพมหานคร
นายปณต กล่าวว่า กลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นการลงทุนของเครือทีซีซี ที่ได้ขยายการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องมากว่า 40 ปีที่ผ่าน ในพื้นที่ 4 ทวีป 20 ประเทศ และกว่า 130 เมืองทั่วโลก บริษัทได้ดำเนินการลงทุนอย่างครบวงจร พร้อมนำความรู้และความเข้าใจด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนมาต่อยอดในอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในเรื่องของการพัฒนาที่มีความยั่งยืนเป็นแกนหลัก
เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ในฐานะบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ได้ดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลที่มุ่งส่งเสริมให้ภาคเอกชนสร้างพื้นฐานในการลงทุนเพื่อความยั่งยืนอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับทิศทางของอุตสาหกรรมทั่วโลก
โดยการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ก็ถือว่ามีความก้าวหน้าในด้านความยั่งยืนอย่างชัดเจน โดยปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 45 ของโลก
ทั้งนี้ กลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ยังเป็นกลุ่มแรกในสายอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และมีการตั้งเป้าหมายด้านวิทยาศาสตร์ (Science-Based Targets) มาใช้ในรายงานความยั่งยืน (Sustainability Report) อย่างต่อเนื่อง และในปีที่ผ่านมา บริษัทได้รับการยอมรับในฐานะ Asia-Pacific Climate Leader พร้อมตั้งเป้าหมายสำคัญในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2050
นายปณต ยังได้กล่าวถึงแนวคิดในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างยั่งยืน โดยอิงจากข้อมูลและประสบการณ์ที่สะสมมากว่า 20 ปี ตั้งแต่การดูแลศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ไปจนถึงโครงการ 3 ย่านมิตรทาวน์
และล่าสุดกับโครงการพัฒนาพื้นที่พระราม 4 วัน แบงค็อก ที่เชื่อมโยงเข้ากับกรุงเทพมหานครกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยเน้นการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ต่าง ๆ และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน รวมถึงตอบโจทย์การพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน
ซึ่งการเริ่มต้นที่จะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้ประสบความสำเร็จได้นั้น กลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ได้มุ่งเน้นการผสมผสานประสบการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกเข้ากับความเข้าใจพื้นฐานในความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของแต่ละชุมชนในแต่ละเมือง (Local Context) อย่างเหมาะสม
ดังนั้น จึงได้นำประสบการณ์ระดับโลกมาใช้พัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ ไม่ว่าจะเป็นด้านอาคารสำนักงาน การอยู่อาศัย การขนส่ง หรือโครงการมิกซ์ยูสที่ผสานหลายฟังก์ชันการใช้งานเข้าด้วยกัน โดยเชื่อมโยงคุณภาพชีวิตของผู้คนเข้ากับการเติบโตของเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
นอกจากนี้ ยังได้เล็งศักยภาพเห็นกรุงเทพมหานครในฐานะเมืองที่ผู้คนเยี่ยมชมมากที่สุดในโลก แต่ในด้านคุณภาพชีวิตกลับอยู่ในอันดับที่ 98 ของโลก จึงเป็นความท้าทายสำคัญที่ต้องเปลี่ยนแปลง ด้วยการพัฒนาโครงการที่ไม่เพียงแต่อสังหาริมทรัพย์ แต่ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน
เช่น โครงการวัน แบงค็อก ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED Neighborhood Platinum และมาตรฐาน WELL ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ในด้านคุณภาพอากาศ น้ำ และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นสำหรับชุมชน
รวมถึง การพัฒนาโครงสร้างพลังงานที่ยั่งยืน เช่น ศูนย์ One Power ซึ่งมีระบบ District Cooling ขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ที่ช่วยลดการปล่อยไอร้อนและประหยัดพลังงานสำหรับอาคารในโครงการ ทั้งนี้ยังมีการบริหารจัดการของเสียและฟู้ดเวสต์อย่างครบวงจร เพื่อรีไซเคิลและสร้างปุ๋ยสำหรับพื้นที่สีเขียว
นายปณตยังชี้ให้เห็นถึงโอกาสของกรุงเทพฯ ในการแข่งขันกับเมืองใหญ่อื่น ๆ ในภูมิภาค แม้วันนี้อสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ จะมีมูลค่าน้อยกว่าสิงคโปร์ถึง 10 เท่า แต่รายได้กลับต่างกันเพียง 4 เท่า
แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ยังสามารถพัฒนาได้อีกมาก โดยมองว่าหากรัฐส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานและสร้างกลไกสนับสนุนที่เหมาะสม อสังหาริมทรัพย์ในไทยจะสามารถเติบโตและแข่งขันในระดับสากลได้
หัวใจสำคัญที่สุดของการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืนก็คือเรื่องของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยมาตรฐานใหม่ด้วยศักยภาพของกรุงเทพมหานครไม่ได้ด้อยไปกว่าที่ใดในภูมิภาคนี้
นายปณต เน้นย้ำว่าการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนต้องเริ่มจากการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงสร้างพื้นที่สีเขียวและความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งจะช่วยลดอุณหภูมิของเมือง และเพิ่มคุณภาพชีวิตในระยะยาว ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงเป้าหมายสำคัญในการสร้าง "คุณภาพ" และ "ความยั่งยืน" เป็นหัวใจของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง