environment

10 เรื่องต้องรู้ ต้นตอ 'แคดเมียม' จาก ผาแดงอินดัสทรี สู่ เบาด์ แอนด์ บียอนด์

เบาด์ แอนด์ บียอนด์ คือร่างใหม่ของ ผาแดงอินดัสทรี ในอดีตซึ่งเคยประกอบกิจการเหมืองแร่ที่ จ.ตาก ต้นกำเนิดกากแคดเมียม ล่าสุดสารก่อมะเร็งนี้ไปโผล่ที่บางซื่ออีก 150 ตัน ซึ่งกรรมการบริษัท ล้อโลหะไทย เมททอล เจ้าของโรงงาน มีผู้ถือหุ้นเดียวกับบริษัทที่รับซื้อในมหาชัย

 

1. บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ส่งหนังสือแจ้งไปยังกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อ 10 เมษายน 2567 ระบุว่า บริษัทตระหนักถึงความกังวลของสาธารณชนเกี่ยวกับการขนย้ายและจัดเก็บกากแคดเมียมที่เกิดขึ้น บริษัทยินดีจะให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อร่วมยุติหรือบรรเทาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อคลายความกังวลของสาธารณชน
 

 

2. เบาด์ แอนด์ บียอนด์ คือร่างใหม่ของบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ในอดีต ซึ่งเคยเป็นผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่และโรงถลุงแร่สังกะสีที่ จ.ตาก สถานที่แห่งนี้จึงเป็นต้นกำเนิดของกากแคดเมียมเจ้าปัญหาในขณะนี้ โดยเหมืองของผาแดงอินดัสทรี มีพื้นที่ 1,300 ไร่ แบ่งเป็นที่ตั้งโรงงาน 200 ไร่ และพื้นที่ฝังกลบกากอุตสาหกรรมที่เหลือจากการหลอมเหล็กอีกประมาณ 1,000 ไร่ มีบ่อเก็บกากแร่ 10 บ่อ ยังไม่รวมบ่อเก็บกากแคดเมียมที่ระบุไว้ในเอกสารอีก 8 บ่อ

 

ผาแดงอินดัสทรี แจ้งปิดการทำเหมืองที่แม่สอดในปี 2559 ต่อมาในปี 2560 ผาแดงอินดัสทรี ได้ประมูลซื้อกิจการโรงฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์ฟาร์ม ในบริษัท ซิมไบโอร์ อีเลอเม้นท์ กำลังการผลิตรวม 30 เมกะวัตต์ ต่อมาในปี 2563 บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของผาแดงอินดัสทรี   
 

 

• ในปี 2564 ผาแดงอินดัสทรี ลงทุนเพิ่มเติม 49% ในโรงแรม Four Seasons Hotel Bangkok และ Capella Bangkok  และได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น เบาด์ แอนด์ บียอนด์ ใช้ชื่อย่อ “BEYOND” 

 

3. การขุดกากแร่ฝังกลบใต้ดินบนพื้นที่ของบริษัทใน ต.หนองบัวใต้ อ.เมือง จ.ตาก เริ่มใน ปี 2560 โดย เบาด์ แอนด์ บียอนด์ ได้ยื่นคำขออนุญาตขนย้ายสิ่งปฏิกูลกากสังกะสีและกากแคดเมียม ผ่านระบบออนไลน์ ระบุว่า ต้องการขนย้ายสิ่งปฏิกูลกากสังกะสีและกากแคดเมียม จำนวน 3 ครั้ง ครั้งละ 5,000 ตัน รวมทั้ง 15,000 ตัน ของบ่อเก็บกากแคดเมียมที่ 4 และ 5  

• มีการระบุปลายทางว่า เป็นประเภทโรงงาน 106 (โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับการนำสินค้าอุตสาหกรรมที่ไม่ใช้แล้ว หรือการนำของเสียจากโรงงานรวมถึงวัตถุอันตรายมาผลิตเป็นวัตถุดิบหรือรีไซเคิล) และประเภท 60 (โรงงานผลิต ตบแต่ง ดัดแปลง หรือซ่อมแซมเครื่องมือ หรือเครื่องใช้ที่ทำด้วยเหล็ก หรือ เหล็กกล้า หรือถลุงเหล็ก) ซึ่งก็คือโรงงานของบริษัท เจ แอนด์ บี แมททอล จำกัด ใน จ.สมุทรสาคร

• การขนย้ายกากแคดเมียม, กากสังกะสี ไปยังโรงงานของ เจ แอนด์ บี เมททอล เริ่มในเดือนสิงหาคม 2566 โดยใส่ถุงบิ๊กแบ็กรวมจำนวน 13,450 ตัน

  • เจ แอนด์ บี เมททอล มี จาง เซิน ม่าว ในฐานะกรรมการบริษัทได้ไปทำสัญญาซื้อขายกากแคดเมียมต่อให้กับ บริษัท อิฟง จำกัด  ที่ ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ซึ่งมี หม่า ยา เผิง เป็นกรรมการผู้จัดการ และ หม่า ยา เผิง ยังเป็นเจ้าของอีก  2 บริษัทคือ ไทยฟุง 2020 จำกัด บริษัท ชุนฟุงฮง จำกัด ซึ่งพบการซุกกากแคดเมียมในเวลาต่อมาจำนวน 6,720 ตัน (หลังรมว.อุตสาหกรรมไปตรวจที่สมุทรสาคร) 
  • ส่วนอีก 1,034 ตัน นำไปฝากไว้ที่ บริษัท ซิน หงส์ เฉิง อินเตอร์ เทค (2008) จำกัด จ.สมุทรสาคร โดย ชิน หงส์  เฉิน อินเตอร์เทค (2008) ได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.(ย่อย) บางน้ำจืด ว่า ได้รับฝากของจาก เจ แอนด์ บีเมททอล เมื่อรวมกากแคดเมียมทั้งหมดที่ตรวจพบ แบ่งเป็น เจ แอนด์ บี เมททอล 2,440 ตัน อิฟง 6,720 ตัน ชิน หงส์  เฉิน อินเตอร์เทค (2008) 1,034 ตัน รวม 10,194 ตัน  
  • เมื่อพิจารณาจากใบอนุญาตขนย้ายเมื่อ ปี 2560 จำนวน 15,000 ตัน ตรวจพบแล้ว 10,194 ตัน นั่นหมายถึง กากแคดเมียมอีกประมาณ 5,000 ตัน ล่องหนหรือมีการจำหน่ายไปก่อนหน้าแล้ว  

 

4. เบาด์ แอนด์ บียอนด์ ในฐานะเป็นคู่สัญญากับ เจ แอนด์ บี แมททอล ตามสัญญาซื้อขายกากแคดเมียม ฉบับลง 30 พฤษภาคม 2566 จะอ้างว่าไม่มีส่วนร่วมกับการประกอบกิจการของ เจ แอนด์ บี แมททอล ไม่ได้ เนื่องจากตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2566 เบาด์ แอนด์ บียอนด์ มีสถานะทางกฎหมายเป็น "ผู้ก่อกำเนิด"

 

5. "ผู้ก่อกำเนิด" ตามกฎหมาย มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องการขนส่งและการจัดเก็บสิ่งปฏิกูลและวัสดุไม่ใช้แล้ว แม้เมื่อมีการนำออกนอกโรงงานไปแล้ว ดังนั้นเมื่อ "ปรากฏข้อเท็จจริงว่าสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วดังกล่าวยังไม่ได้รับการจัดการ..." ข้อ 12 ของประกาศฯ ได้กำหนดไว้ว่า "ผู้ก่อกำเนิดยังคงมีหน้าที่นำไปจัดการจนกว่าสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วนั้นจะได้รับการจัดการแล้วเสร็จตามที่ได้รับอนุญาต"

 

6. ตามหนังสือที่ เบาด์ แอนด์ บียอนด์ ส่งถึง ตลท. มีการระบุความสัมพันธ์กับทาง เจ แอนด์ บี แมททอล ว่าเป็น "คู่สัญญาซื้อขายกาก" แต่ในหนังสือหลายฉบับที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดตากส่งถึงกรรมการผู้จัดการของ เบาด์ แอนด์ บียอนด์ กล่าวถึง เจ แอนด์ บี แมททอล ว่าเป็น "ผู้รับบำบัดกำจัดฯ ของท่าน" ดังนั้น ตลท.ต้องตรวจสอบความจริงในเรื่องนี้

 

7. โอละพ่อ! ที่เกิดขึ้นเวลานี้พบการซุกกากแคดเมียมในโรงงาน บริษัท ล้อโลหะไทย เมททอล ย่านบางซื่อ จำนวน 150 ตัน ทำให้เมื่อ 10 เมษายน 2567 สำนักงานเขตบางซื่อได้ประกาศเป็นเขตพื้นที่อันตราย ห้ามอยู่อาศัยหรือดำเนินกิจการในพื้นที่ที่กำหนด เนื่องจากเป็นสารเคมีชนิดร้ายแรงและอันตรายต่อชีวิต

 

8. ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุชัดว่า กรรมการบริษัท ล้อโลหะไทย เมททอล เป็นเจ้าของเดียวกับบริษัทที่สมุทรสาคร ที่พบกากแคดเมียมก่อนหน้านี้ โดยจดทะเบียนจัดตั้ง 21 เมษายน 2535 ทุนจดทะเบียน 9 ล้านบาท ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่อยู่ที่ถนนประชาราษฎร์ 1 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร งบการเงินของบริษัท ปี 2566
มีรายได้รวม 28.9 ล้านบาท รายจ่ายรวม 28.1 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 18.7 ล้านบาท หนี้สินรวม 13.5 ล้านบาท
และกำไร 3.5 แสนบาท

 

9. "ฐานเศรษฐกิจ" ตรวจสอบบริษัท ล้อโลหะไทย เมททอล เพิ่มเติมพบความเชื่อมโยงของรายชื่อกรรมการบริษัท ประกอบด้วย เจษฎา เก่งรุ่งเรืองชัย และ วรรณา เก่งรุ่งเรืองชัย ซึ่งบุคคลดังกล่าวเป็นกรรมการอยู่ใน เจ แอนด์ บี เมททอล จ.สมุทรสาคร ที่ตรวจพบกากแคดเมียมไปก่อนหน้านี้ด้วย 


10. คำถามก็คือจะพบการซุกกากแคดเมียมที่ไหนอีกหรือไม่ และที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้นก็คือ ต้นตอของกากแคดเมียมที่ จ.ตาก นั้นขุดขึ้นมาแค่ 2 บ่อ แต่ยังเหลืออีก 8 บ่อ ซึ่งในรายงานปริมาณกากของเสียของผาแดงอินดัสทรี เมื่อปี 2560 มีจำนวนทั้งสิ้น 330,342 ตัน