ในโลกใต้ทะเลอันกว้างใหญ่ มีสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่กำลังต่อสู้เพื่อความอยู่รอด นั่นคือ "โลมาวากีตา" หรือที่รู้จักกันในชื่อ "แพนด้าแห่งมหาสมุทร" ด้วยลักษณะตาโตและจุดสีดำรอบดวงตาคล้ายแพนด้า ผลการสำรวจล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2024 เผยว่าเหลือวากีตาเพียง 6-8 ตัวสุดท้ายบนโลกเท่านั้น ลดลงจาก 8-13 ตัวในปี 2023 สถานการณ์นี้ทำให้วากีตากลายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์มากที่สุดในโลก
ดร. บาร์บารา เทย์เลอร์ ผู้นำทีมสำรวจจาก Sea Shepherd องค์กรอนุรักษ์ทางทะเลระดับนานาชาติ เปิดเผยว่า การสำรวจครั้งนี้ครอบคลุมเพียง 12% ของพื้นที่ที่เคยสำรวจในปี 2015 ทำให้นักวิทยาศาสตร์ยังคงมีความหวังว่า อาจพบวากีตานอกเขตสำรวจ ซึ่งอาจทำให้จำนวนที่แท้จริงอยู่ที่ 9-11 ตัว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลคือไม่มีก่ีสำรวจพบลูกเกิดใหม่ในการสำรวจครั้งนี้ แม้ว่าลูกโลมาวากีตาที่เกิดในปี 2023 ยังคงมีสุขภาพดี
"โลมาวากีตา" อาศัยอยู่เฉพาะในอ่าวแคลิฟอร์เนียตอนบนของเม็กซิโก พื้นที่อาศัยที่จำกัดนี้ทำให้ประชากรที่เหลืออยู่ไม่มากนักเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้น รัฐบาลเม็กซิโกและนักวิทยาศาสตร์ได้กำหนดพื้นที่อนุรักษ์วากีตาหรือ Vaquita Refuge ซึ่งได้รับการยอมรับจาก UNESCO ให้เป็นพื้นที่คุ้มครองที่ห้ามทำการประมงด้วยอวนอย่างเด็ดขาด
เพื่อปกป้อง "โลมาวากีตา" ทางการได้สร้าง "พื้นที่ที่มีความอดทนเป็นศูนย์" (Zero Tolerance Area) โดยวางบล็อกคอนกรีตที่มีตะขอเกี่ยวอวนดักจับปลา ปัจจุบันมีการวางคอนกรีตไปแล้ว 193 บล็อก และกำลังจะเพิ่มอีก 200 บล็อก มาตรการนี้มีจุดประสงค์เพื่อป้องกันอุปกรณ์ประมงที่เป็นภัยคุกคามหลักต่อวากีตา
แม้จะมีความพยายามในการอนุรักษ์ แต่การลักลอบทำประมงผิดกฎหมายยังคงเป็นปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะการล่าปลาตาตัวบา (Totoaba) ซึ่งมีราคาสูงในตลาดเอเชียตะวันออก อวนที่ใช้จับปลาชนิดนี้เป็นอันตรายร้ายแรงต่อวากีตา ทำให้พวกมันติดอวนและจมน้ำตาย
พริทัม ซิงห์ ประธานและซีอีโอของ Sea Shepherd ได้แสดงออกถึงความมุ่งมั่นที่จะปกป้องวากีตาอย่างต่อเนื่อง โดยทำงานร่วมกับรัฐบาลเม็กซิโกมาตั้งแต่ปี 2015 ผ่านปฏิบัติการ Milagro เพื่อกำจัดอวนผิดกฎหมายและต่อสู้กับการลักลอบทำประมง
สถานการณ์ของ "โลมาวากีตา" เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของผลกระทบจากกิจกรรมของมนุษย์ต่อระบบนิเวศทางทะเล การอนุรักษ์ไม่เพียงแต่เป็นการช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตชนิดนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นการรักษาความสมดุลของระบบนิเวศในอ่าวด้วย ความพยายามในการอนุรักษ์วากีตาจึงเป็นการต่อสู้เพื่อปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพของโลกใต้ท้องทะเลที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ
อ้างอิง:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง