ดร.ชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) เปิดเผยในงานสัมมนาวิชาการประจำปี Energy Symposium 2024 ภายใต้หัวข้อการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับแผนพลังงานใหม่เพื่อมุ่งสู่ Carbon Neutrality ว่า ยังต้องการสนับสนุนจากภาครัฐปลดล็อคข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ในการอนุญาตให้ซื้อขายไฟฟ้าระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้งานได้โดยตรง และข้อระเบียบอื่นจะเป็นตัวเร่งให้การเปลี่ยนผ่านพลังงานสีเขียวขับเคลื่อนไปได้เร็วยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ในอนาคตมีความเป็นไปได้ว่า จังหวัดสระบุรีจะไม่ต้องการจัดการขยะ เพราะนำขยะมาผลิตพลังงานทดแทนใช้เองในพื้นที่ ช่วยลดต้นทุนพลังงานลงได้ โดยอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ทำเรื่องเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด ซึ่งสมาชิกของ TCMA ซึ่งเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์ของไทยทุกราย มีการใช้พลังงานทดแทน จากชีวมวล ขยะ RDF ขยะอุตสาหกรรม รวมถึงการรับซื้อหญ้าเนเปียร์มาใช้เป็นพลังงานทดแทนประมาณ 30% โดยมีเป้าหมายเพิ่มมากกว่านี้
โดยอุตสาหกรรมซีเมนต์ในไทยมีผู้ผลิตปูนซีเมนต์ 7 ราย อยู่ระหว่างเดินหน้าลดคาร์บอนอย่างต่อเนื่อง ตามโรดแมป Thailand 2050 Net Zero Cement and Concrete Roadmap รับรองโดย Global Cement and Concrete Association (GCCA) ซึ่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) ก็ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการขับเคลื่อนต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำ สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ SARABURI SANDBOX LOW CARBON CITY ที่มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีประเด็นต่างๆ ให้นำไปสู่การปรับลดข้อจำกัดลง เพื่อผลักดันทุกอย่างให้เดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้
“สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ได้บูรณาการความร่วมมือ ภาครัฐ-ภาคเอกชน-ภาคประชาสังคม (Public-Private-People Partnership: PPP) ร่วมกันดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในจังหวัดสระบุรี โดยใช้กลไกหลักของภาครัฐขับเคลื่อน ภาคเอกชนสนับสนุนดำเนินงาน โดยประโยชน์ไปสู่ภาคประชาชน ตัวอย่างเช่น Grid Modernization แนวคิดการพัฒนาระบบส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้าที่ทันสมัย เพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและการเปลี่ยนผ่านพลังงานไฟฟ้าที่เป็นคาร์บอนต่ำ ซึ่งเริ่มทดลองติดตั้งแผงโซลาเซลล์บนหลังคาอาคารจอดรถ (Solar Carport) ในศาลากลางจังหวัดสระบุรี โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นผู้ลงทุน และนำโมเดลธุรกิจจัดการพลังงานไทย (ESCO) มาใช้กับการนำร่องในครั้งนี้"
อย่างไรก็ดี ยังมีการใช้เชื้อเพลิงทางเลือก (Alternative Fuels: AF) จากชีวมวล (Biomass) จากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) และการใช้เชื้อเพลิงขยะ (Refuse Derived Fuel: RDF) เป็นต้น พร้อมกับการส่งเสริมการใช้ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก หรือปูนซีเมนต์ลดโลกร้อน ในทุกงานก่อสร้างทั่วประเทศ แทนปูนซีเมนต์แบบเดิมที่ปล่อยคาร์บอนสูง โดยเตรียมยกเลิกการผลิตปูนซีเมนต์แบบเดิมในปี พ.ศ. 2568
ดร.ชนะ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (Princeton University) มหาวิทยาลัยเอกชนระดับแนวหน้าในกลุ่ม Ivy League ของสหรัฐอเมริกา มาศึกษาศักยภาพพื้นที่และการใช้พลังงาน พบว่า จังหวัดสระบุรีมีความต้องการใช้พลังงานประมาณ 30,000 เมกะวัตต์ แต่โดยศักยภาพพื้นที่แล้วสามารถผลิตได้ถึง 1 แสน เมกะวัตต์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง