sustainability

ตลาดหลักทรัพย์ มุ่งพัฒนาตลาดทุนเพื่อทุกคน ดูแลสังคมให้ความยั่งยืน

    ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดวิสัยทัศน์พัฒนาตลาดทุนเพื่อทุกคน สร้างตลาดทุนให้เกิดประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนของสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชาติ ดูแลสังคมให้เกิดความยั่งยืน ผลักดัน บจ. ตามรอย ESG

นายกีรติ โกสีย์เจริญ ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานบริหารกิจกรรมเพื่อสังคมและหัวหน้ากลุ่มงานสื่อสารองค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้บอกเล่าเรื่องราวของที่มาในการทำCSR (Corporate Social Responsibility) ว่า จุดเริ่มต้นเกิดจากวิสัยทัศของทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่ต้องการพัฒนาตลาดทุนเพื่อทุกคน เพราะตลาดทุนเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในองค์รวม

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงมุ่งมั่นสร้างสรรค์ตลาดทุนให้เกิดประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนของสังคม ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าการเติบโตอย่างมีคุณภาพของธุรกิจจะสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ประเทศ และผลจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชาติ โดยมีวิสัยทัศน์อยากให้ Capital Maket Work for Everyone

มองว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นส่วนหนึ่งของสังคม มีหน้าที่ที่จะดูแลสังคม เช่น การลดความเหลื่อมล้ำ การสร้างโอกาสให้กับคนที่มีโอกาสน้อยกว่าคนอื่น และส่งเสริมผู้ประกอบการเพื่อสังคม โดยโปรโมทแนวคิดเพื่อความยั่งยืน ซึ่งความยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้จากการที่ได้เข้าไปดูแลเรื่องสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยที่หากตัวใดตัวหนึ่งมีปัญหาก็ไม่สามารถทำให้เกิดความยั่งยืนได้

"ยกตัวอย่างเช่น ในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ตอนนี้มีปัญหาอะไรบ้าง มีปัญหาเรื่องโลกร้อน ภาวะเรือนกระจก ถ้าเราปล่อยละเลยไม่มีการดูแลเรื่องนี้เลยมันก็จะเป็นปัญหาเรื้อรังและใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มีผลต่อเรื่องสุขภาพของคนที่เกี่ยวข้อง อุณหภูมิสูงขึ้น มีผลต่อเศรษฐกิจ ค้าขายต่างประเทศไม่ได้ แหล่งอาหารต่างๆ มีปัญหา การจับปลา การเกษตรมีปัญหา มันก็จะไม่ใช่ความยั่งยืนอีกแล้ว"

สอดคล้องกับการที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ความสำคัญและพยายามขับเคลื่อนมาโดยตลอดอย่างเรื่อง E (Environmental : สิ่งแวดล้อม) S (Social : สังคม) G (Governance : บรรษัทภิบาล) ก็เลยเป็นเหตุผลที่เราให้ความสำคัญให้การขับเคลื่อนเรื่องของสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย

จากการเดินหน้าทำโครงการเพื่อสังคมมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา เราได้รับการตอบรับค่อนข้างที่ดี และได้พันธมิตรที่เข้ามาช่วยกันทำงานจากหลายหน่วยงาน หลายแห่ง ซึ่งพันธมิตรก็ได้เสียงตอบรับจากทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจและภาคประชาชน ในทิศทางที่ดีเช่นเดียวกัน ถามว่าทำไมเขาถึงให้ความสนใจ ก็เพราะว่าเวลาที่ร่วมมือกันมันสร้างมาเข้ามาช่วยต่อยอดและส่งเสริมจุดแข็งของแต่ละฝ่ายได้ และก็ทำให้การขยายผลมันใหญ่และกว้างมากขึ้น

ผู้ได้รับผลประโยชน์จากโครงการ SET

ยกตัวอย่าง การทำเรื่อง CSR ของตลาดหลักทรัพย์ฯ คนที่ได้รับผลและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอยู่ที่มากกว่า 200,000 คน กระจายใน 41 จังหวัดทั่วประเทศไทย จากทั้งหมด 14 โครงการ ซึ่งทั้งหมดเป็นโครงการที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ เข้าไปร่วมกับพันธมิตรต่างๆ เช่น โครงการ SET คู่ป่า คู่คนเพื่อความยั่งยืน จังหวัดลำปาง ที่เป็นการร่วมมือกับเครือข่ายชุมชนในพื้นที่ เราเข้าไปร่วมกับ SCG ที่ลำปาง ซึ่งอันนี้ก็มีคนในพื้นที่ให้ความร่วมมือ จากเดิมที่อาจไม่ได้มีความสนใจหรือใส่ใจในผืนป่ามากนัก

อีกตัวอย่างหนึ่งที่ได้เข้าไปทำกับสมาคมห้องสมุด เป็นโครงการศูนย์เรียนรู้ต่อเนื่องอย่างยั่งยืน (Re-learning Space @ Library) ปัจจุบันมี 9 แห่ง ใน 9 จังหวัด ซึ่งหากว่าตลาดหลัทรัพย์ฯ เดินหน้าทำโครงการเองเพียงลำพังก็คงไปไม่ได้กว้างและไกลได้ขนาดนี้ แต่พอมีความร่วมมือกับทางสมาคมห้องสมุด ก็มีคนในพื้นที่ และมีบุคลากรอยู่ประจำชุมชนนั้นๆ เขาก็เอาบุคลากรมาแปลงสภาพพื้นที่ให้ชาวบ้านใช้ช่วงเวลาว่างมาเรียนรู้

ภาพโครงการห้องสมุด SET

ตัวอย่างเช่น ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทางศูนย์การเรียนรู้ก็มีสอนการทำหน้ากากอนามัย ซึ่งนอกจากทำเพื่อใช้เองได้แล้วยังสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้อีกด้วย บางคนเป็นผู้สูงอายุ เป็นข้าราชการเกษียณ อยู่บ้านเฉยๆ ก็อาจเฉา การเข้ามาร่วมโครงการก็เหมือนได้ออกมาเจอผู้คน เจอสังคม มีกิจกรรมให้ทำ และเป็นการสร้างรายได้ไปในตัว เป็นการสร้างโอกาสให้กับคนในพื้นที่

ทั้งนี้ สิ่งที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำอยู่นั้น จะเน้นอยู่ 3 ด้าน ได้แก่ ผู้สูงวัย เด็กและเยาวชน และกลุ่มเปราะบาง เป็นต้น ที่อยากเข้าไปช่วย โดยโครงการหนึ่งที่ได้เข้าไปทำจะเป็นโครงการการพัฒนาทักษะสมองหรือ Executive Functions : EF เพื่อสุขภาวะของเด็กและเยาวชน

โดยมีต้นแบบเริ่มที่ จังหวัดเชียงราย ซึ่งขณะนี้เราได้ดูแลเด็กทั้งหมดแล้วกว่า 47,000 คน ซึ่งเริ่มตั้งแต่เด็กประถมวัย เพราะเด็กสมัยนี้อาจจะมีภาวะสมาธิสั้น ก็เข้าไปสอนให้มีสมาธิที่ดีขึ้น ให้ช่วยทำงานบ้าน ก็จะมีครูเข้าไปช่วยสอน สร้างให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีขึ้น โดยที่เราเข้าไปทำร่วมกับมูลนิธิรักลูก อันนี้ก็ได้ผลตอบรับที่ค่อนข้างดี

นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่เกี่ยวของกับสังคม ทางด้านกีฬา ตอนนี้ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ให้การสนับสนุนกีฬาเทเบิลเทนนิส (ปิงปอง) ซึ่งมีการสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่องนานกว่า 10-11 ปี แล้ว โดยก่อนที่เราจะเข้ามาสนับสนุนต้องบอกก่อนเลยว่า นักเทเบิลเทนนิสไทยไม่ได้ติด TOP 100 แต่ต้อนนี้เราติด TOP 60 แล้ว

และครั้งนี้เป็นปีแรกที่เรามีนักกีฬาเทเบิลเทนนิสเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าไปแข่งที่ปาริส โอลิมปิก น้องหญิง สุธาสินี เสวตรบุตร กับ น้องทิพย์ อรวรรณ พาระนัง ก็ได้โควต้าจากการจัดอันดับโลกเข้าไปร่วมแข่งกีฬาโอลิมปิดที่ปาริส ในปีนี้ด้วย ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ก้าวใหม่ของกีฬาเทเบิลเทนนิสไทย

ในด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม ก็มีเรื่อง Climate Care Platform ซึ่งตอนนี้ทุกคนมุ่งสู่โปรเจ็กต์ Net Zero เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงจนเกินไป ที่ปัจจุบันยังคงพยายามผลักดันเรื่องนี้อยู่ ก่อนหน้านี้ยังมีโปรเจ็กต์ Care the whale ลดขยะ ที่ทำร่วมกับพันธมิตรหลายรายในการช่วยกันลดขยะ แต่ว่าการต่อยอดไปในอนาคต การลดขยะ ลดคาร์บอนจากขยะเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่พอ อาจต้องขยายไปยังการลดคาร์บอน ใน Scope 1-2-3 ร่วมด้วย ซึ่งอันนี้เราคงทำงานร่วมกันกับพันธมิตรต่อยอดในอนาคต

Climate Care Platform

อีกงานหนึ่งที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำ เราทำงานร่วมกันกับ วิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise : SE) ซึ่งปัจจุบันมีการทำงานร่วมกันมากกว่า 80 SE แล้ว โดยที่ SE เหล่านี้หากว่าทำแล้วสามารถประสบผลสำเร็จและเติบโตอย่างยั่งยืนได้ ก็จะสามารถส่งผลกระทบ ในวงกว้างได้ต่อไปด้วย

SE ที่ทำก็มีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องด้านศึกษา เรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องการเกษตร เรื่องสุขภาพ เรื่องการพัฒนาชุมชน เรื่องสังคม เรื่องเปราะบาง เป็นต้น ยกตัวอย่าง มี SE รายหนึ่งที่ไปช่วยเด็กพิเศษ ที่ใช้ศิลปะในการเยียวยา โดยการนำเอาศิลปะที่ได้มาจำหน่ายต่อ เพื่อสร้างรายได้เป็นทุนการศึกษาให้กับเด็ก

นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ก็ยังมีการไปร่วมลงทุนใน SE ด้วย ชื่อ HAZE เป็นการไปทำงานร่วมกันกับภาคเกษตร กับชาวบ้านในการที่อนุรักษ์ป่า เป็นการปลูกพืชผักแบบออแกนิก (Organic) โดยที่ช่องทางการจำหน่ายเป็นการเอาไปซัพพลายให้กับร้านอาหาร องค์ต่างๆ คอนเซ็ป เกิดขึ้นจาก ทางภาคเหนือมีการเผาป่าเยอะ ทางโครงการนี้ก็ไปอนุรักษ์และร่วมมือกับเกษตรกรที่จะเข้าร่วมในโครงการ มีการทำบันทึกว่าเขาได้ปกป้องป่าตรงนั้นจริงๆ และของได้มาตรฐานจริงๆ ผลผลิตที่ได้ออกมาก็ได้สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านอีกทางหนึ่ง

แนวของตลาดหลักทรัพย์ในการส่งเสริมศักยภาพ SE สิ่งที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำจะเป็นการพัฒนาและให้ความรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งจุดนี้ SE ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูได้ผ่านเว็ปไซต์ รวมถึงตามช่องทางโซเชียลมีเดียของทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบันมีคนให้ความสนใจค่อยข้างเยอะ

พร้อมกันนี้ ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีการจัดทำ Coaching section เพื่อรองรับสำหรับกลุ่ม SE ที่มีความแข็งแรงแล้วในระดับหนึ่งมาเรียนรู้ด้านใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยที่เราร่วมมือกับสมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (maiA) นำเอาผู้บริหารจากบริษัทจดทะเบียนในตลาด mai เข้ามาช่วยแนะนำกับผู้ประกอบการทางด้านสังคมเหล่านี้

ในปี 2567 นี้ ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการผลักดัน SE เพิ่มขึ้นอีก 10 ราย โดยเอาโค้ชมาสอนเรื่องบัญชี เรื่องธุรกิจ เรื่องภาษี เข้าไปช่วยหาช่องทางผนึกกำลังกับพันธมิตร ไปให้ความรู้ ไปช่วยโค้ชในเรื่องต่างๆ ในแง่ของการระดมทุน หรือการหาตลาดใหม่ ซึ่งอันนี้จะช่วยต่อยอดให้เค้าและช่วยเค้าทำเรื่องดีๆ กลับคืนไปสู่สังคมได้ เนื่องจากผู้ประกอบการเพื่อสังคมเหล่านี้มีความเชื่อ แต่อาจจะขาดประสบการณ์ทางด้านการทำธุรกิจ เพาะฉนั้นสิ่งเหล่านี้จะเป็นการช่วยต่อยอดให้เขา และช่วยให้ SE เติบโตได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเพื่อสังคมปี 2567 ที่สังเกตเห็น มีหลาย Passion มาก อาทิ ปัจจุบันโรงพยายามมีคนไข้หนาแน่น SE รายนี้ก็พยายามทำเรื่อง AI เพื่อที่จะให้ความช่วยเหลือในด้านการให้คำปรึกษาในขั้นต้นกับคนไข้ได้ เพื่อลดความแออัดของโรงพยายาลลง ซึ่งก็มีหลาย SE ที่มีแพชชั่นช่วยให้สังคมดีขึ้น อันนี้การที่ตลาดหลักทรัพย์เข้าไปช่วย

"การอบรม SE ที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดทำขึ้น เพื่อให้ความรู้ ให้เขาสามารถประกอบธุรกิจได้ อีกปัญหาหนึ่งที่พบ คือ เรื่องการหาตลาดให้ SE หรือการจับคู่ธุรกิจให้ ปัจจุบันคนที่เข้ามาในระบบแล้ว 80 ราย กับ SE ที่เข้ามาใหม่อยู่ในระยะของการฝึกอบรม (Training) ในปี 2567 นี้อีก 10 ราย เราก็จะพยายาม หาทางต่อยอดให้เข้า โดยทำการจับคู่ทางธุรกิจ ซึ่งอันนี้เราคงต้องไปทำเป็น Networkimg กับ บจ. หรือ ว่าธุรกิจที่เรารู้จัก ก็จะคอยช่วยต่อยอดให้ SE เหล่านี้ต่อไป"
 
ส่วนเรื่อง Climate Care Platform (https://climatecare.setsocialimpact.com/) เราจะผลักดัน จากเดิมเป็นเรื่องลดขยะ เพิ่มเป็นการลดคาร์บอน และการปล่อยคาร์บอน เน้นที่ scope 1-2-3 จะตอบโจทย์กับแผนงานในอนาคตที่บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ส่วนใหญ่จะมุ่งเข้าหา Net Zero ในอนาคต เป็นการต่อยอด ESG อีกทางหนึ่ง เป็นการวางแผนถึงความยั่งยืนในอนาคต ทำงานร่วมกันกับ บจ. มองว่าหากมีคนกลางเข้ามาช่วยอีกแรกอะไรๆ ก็จะง่ายขึ้น

ส่วนการขยายโครงการเพิ่มเติมในอนาคตนั้น ในโฟกัสตอนนี้จะเป็นโครงการพัฒนาสมองเด็กเล็ก ปัจจุบันมีแผนที่จะทำด้านการให้ความรู้ความเข้าใจในด้านการเงิน (Financial Literacy) ด้วย เป็นการปลูกฝังความรู้ความเข้าใจให้กับเด็กๆ เริ่มตั้งแต่วัยประถมเป็นต้นไป ให้รู้จัการวางแผนทางการเงิน โดยมีการร่วมมือกับคณะอาจารย์ เพื่อมาสร้างระบบรูปแบบการเรียนการสอน เพื่อนำเอาไปสอนเด็กๆ ต่อยอดในอนาคต ปลูกฝังให้เด็กๆ รู้จักการจัดสรรทางการเงินแบบง่ายๆ การวางแผนการใช้จ่าย การวางแผนการลงทุนแบบง่ายๆ

พร้อมกันนี้ ในช่วงที่ผ่านมาทางตลาดหลักทรัพย์ ได้มีการร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในโครงการสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนเข้าร่วมทำประโยชน์เพื่อชุมชนและสังคม เข้าไปช่วยหน่วยงานที่ต้องการรับบริจาค โดยที่หากว่า บจ. มีการบริจาคไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาท ก็จะได้ Tax PRIVILEGE หรือสิทธิ์พิเศษการลดหย่อนทางภาษี เกิน 120% ของเงินที่ลงทุนไป

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)  สนับสนุนบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ร่วมดูแลสังคม

ซึ่งอันนี้จะเข้าไปช่วยต่อยอด และเข้าไปช่วยเหลือคนที่เป็นกลุ่มเปราะบาง โดยโครงการที่ผ่านมา ได้เข้าไปช่วยสนับสนุนให้กับมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยที่อยู่ห่างไกลจากเขตเมือง เป็นกลุ่มเปราะบางมาก ขาดรถโรงพยาบาล อุปกรณ์ทางการแพทย์

สนับสนุนให้กับมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช บริจาครถฉุกเฉิน

โดยที่มีการบริจาครถฉุกเฉิน จำนวน 14 คัน ซึ่งจำนวน 8 คัน ได้ส่งมอบไปแล้วในปี 2565-2566 ที่เหลืออีก จำนวน 6 คันอยู่ระหว่างประกอบ เบื้องต้นคาดว่าจะส่งมอบภายในปี 2567 นี้ โดยรวมรถฉุกเฉินที่บริจาคไปให้กับ รพ. ทั้งหมด 10 แห่ง มีขนาดไม่เกิน 90-120 เตียง ช่วยผู้ป่วยในถิ่นทางไกล