จากการสำรวจพบว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านส่วนใหญ่ใช้ไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ที่ได้รับสนับสนุนจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ขนาด 120 วัตต์ต่อครัวเรือน ตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งเริ่มเสื่อมสภาพ ทำให้ไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ทั้งในด้านความเป็นอยู่ การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร รวมถึงการพัฒนาด้านการศึกษา
กระทรวงพลังงาน โดยสำนักงานพลังงานจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลวังยาว และอุทยานแห่งชาติพุเตย จึงเริ่มดำเนินโครงการเพื่อส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์โฮมให้กับครัวเรือนในชุมชน โดยยึดหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ 3E’s Sustainability : Economic, Equity, and Environmental (ความยั่งยืน 3 ประการ : เศรษฐกิจ ความเท่าเทียม และสิ่งแวดล้อม) ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการอยู่อาศัยและสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ โดยไม่กระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในปี 2564 การดำเนินงานดังกล่าวได้ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน วงเงิน 2.8 ล้านบาท เพื่อติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้าสำหรับครัวเรือนขนาด 500 วัตต์ จำนวน 58 ครัวเรือน พร้อมอุปกรณ์ ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการใช้พลังงานทดแทนทั้งหมู่บ้านเฉลี่ย 4.5 ตันเทียบเท่าตันนํ้ามันดิบต่อปี
นายฉัตรชัย คุณโลหิต ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน ชี้ให้เห็นว่า โครงการผลิตไฟฟ้าเพื่อชุมชนพึ่งพาตนเอง (Off Grid) ระบบผลิตไฟฟ้าเพื่อบ้านพักอาศัย (Solar Home) หมู่บ้านตะเพินคี่ เป็นโครงการส่งเสริมการใช้ระบบโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้าระดับครัวเรือน หรือโซลาร์โฮม (Solar Home) ติดตั้งให้กับครัวเรือนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติพุเตย ที่ยังติดข้อกฎหมาย ทำให้ไม่สามารถดำเนินการติดตั้งสายส่งไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เข้าไปในพื้นที่ได้ อีกทั้งยังใช้งบประมาณสูง
การดำเนินงานดังกล่าว จึงช่วยให้คนในชุมชนมีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอในชีวิตประจำวัน และทำให้คุณภาพชีวิตของคนในชุมชนดีขึ้น เพิ่มโอกาสการเรียนรู้ ช่องทางการรับข้อมูลข่าวสาร และที่สำคัญไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของอุทยานแห่งชาติพุเตย เนื่องจากเป็นระบบที่ติดตั้งบนหลังคาไม่ได้ปักเสา โครงการนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของกระทรวงพลังงานในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน มุ่งขับเคลื่อนให้ประชาชนทุกภาคส่วนเข้าถึงพลังงาน ส่งเสริมพลังงานสะอาดควบคู่กับการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายสิทธิชัย ณ นคร พลังงานจังหวัดสุพรรณบุรี สะท้อนว่า สำนักงานพลังงานจังหวัดสุพรรณบุรีได้พิจารณาสภาพปัญหาสาธารณูปโภคด้านไฟฟ้าของหมู่บ้านเพินตะคี่ พบว่าการส่งเสริมการติดตั้งระบบโซลาร์ผลิตไฟฟ้าระดับครัวเรือน ในรูปแบบ Solar Home มีความเหมาะสม ไม่กระทบกับกับกฎระเบียบของพื้นที่อุทยานแห่งชาติ และเพียงพอต่อการใช้งานในครัวเรือน ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญการดำรงชีวิต
อีกทั้ง หากคำนวณระยะเวลาคืนทุนจากการติดตั้งระบบในพื้นที่ที่ไม่มีสายส่งไฟฟ้า (Off-grid) ในวงเงิน 2.8 ล้านบาทแล้วนั้น คิดเป็นระยะเวลาคืนทุนเพียง 5 ปี 5 เดือน และหากเปรียบเทียบกับกรณีการขยายสายส่งไฟฟ้า การติดตั้งระบบ Solar Home ดังกล่าว สามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการได้กว่า 6.5 ล้านบาท อีกทั้งไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อมและไม่ก่อปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ชายขอบจากการปักเสาตั้งสายอีกด้วย
หน้า 7 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 4,053 วันที่ 15 - 18 ธันวาคม พ.ศ. 2567
ข่าวที่เกี่ยวข้อง