ระหว่างรอการก่อสร้างโครงการมิกซ์ยูสมูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” เปิดบริการ กลุ่มดุสิตธานีได้ประกาศ พร้อมเปิดบริการแบบฟลูเซอร์วิสคุณลูกค้าอีกครั้ง แต่มาในรูปแบบใหม่ “บ้านดุสิตธานี” ห้องอาหารสแตนอโลน ตั้งอยู่ในบ้านโบราณ ทำเลสะดุดตาด้วยสถาปัตยกรรมจากยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 รายล้อมด้วยต้นไม้ สวนเขียว ในซอยศาลาแดง ใจกลางถนนสีลมและตั้งอยู่ห่างจากโรงแรมดุสิตธานีแค่อึดใจเดียว
การกลับมาเปิดบริการในครั้งนี้ ยังคงยึดอัตลักษณ์ดั่งเดิมของความเป็น แบรนด์ “ดุสิตธานี” เอาไว้ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่าและขณะเดียวกันก็มองหาลูกค้าใหม่ ไม่ว่าจะเป็นห้องอาหารไทยเบญจรงค์ ห้องอาหารเวียดนามเธียนดอง ดุสิตกูร์เมต์ เพื่อใช้เป็นต้นแบบก่อนเปิดบริการโรงแรมโฉมใหม่
จากบ้านศาลาแดงสู่ “บ้านดุสิตธานี”
ในอดีตคหบดี-ตระกูลเก่าที่เคยอาศัยอยู่ในย่านนี้มักเรียกบ้านของตัวเองว่า “บ้านศาลาแดง” ด้วยเหตุที่ตั้งอยู่ในซอยศาลาแดง ดังนั้นสำหรับบ้านโบราณหลังนี้ จึงมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เจ้าของคือตระกูลนักธุรกิจใหญ่ “โอสถานุเคราะห์” หรือนายห้าง โอสถสภา เต็กเฮงหยู นั่นเอง
เดิมทีตระกูล “โอสถานุเคราะห์” โดยคุณพ่อของคุณสุรินทร์ ได้ซื้อบ้านหลังนี้ต่อมาจากนักธุรกิจชาวฮ่องกงเมื่อ 80 ปีที่แล้ว ฉะนั้นรวมอายุบ้านแห่งนี้น่าจะร่วม 100 ปี และเคยเป็นที่อยู่ของคนในตระกูล อาคารบางหลังยังเคยใช้เป็นโกดังสำหรับเก็บยาทัมใจด้วย ต่อมาเจ้าของได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น จึงได้ปิดไว้หลายปี แต่ยังมีการดูแลรักษาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ สนามหญ้า ต้นไม้ ซึ่งยังเคยสามารถมองจากห้องเทียร์ร่า ชั้น 22 โรงแรมดุสิตธานีจะเห็นสระว่ายน้ำสีมรกตชัดมาก
บ้าน 100 ปีพลิกผันเป็นห้องอาหารหรู
ด้วยความบังเอิญ หลังจากก่อนปิดโรงแรมฝ่ายบริหารดุสิตธานีได้ตระเวนมองหาทำเลเพื่อสานต่อธุรกิจอาหารมาเป็นแรมปี แต่สุดท้ายก็ลงตัวกับที่บ้านโบราณหลังนี้ และมีการเจรจาจนในที่สุด “นิติ โอสถานุเคราะห์” ก็ใจอ่อนยอมให้เช่าบ้านเป็นเวลา 5 ปี ทั้งที่เจ้าของห่วงแหนบ้านหลังนี้มาก แต่เมื่อรู้เจตนารมย์ที่ชัดเจนของกลุ่มดุสิตธานีจึงยินดี แต่มีเงื่อนไขในการพัฒนาที่เข้มงวดมากโดยเฉพาะเรื่องของโครงสร้างที่ต้องรักษาเอกลักษณ์เดิมเอาไว้
ภายใน “บ้านดุสิตธานี” จึงประกอบด้วยบ้านหลังใหญ่ ตั้งเด่นอยู่ตรงกลางของพื้นที่ขนาดกว้างขวาง 4.5 ไร่ ถูกเนรมิตร ออกแบบตกแต่งเป็นห้องอาหารเบญจรงค์บริการอาหารไทย รสชาติดั่งเดิมตามมาตราฐานดุสิตธานี บ้านหลังรองตั้งอยู่ด้านหน้า ติดถนน ซึ่งเคยเป็นที่อยู่ของคุณสุรินทร์ โอสถานุเคราะห์ ได้ปรับปรุงเป็น ดุสิตกูร์เมต์ เสิร์ฟชา กาแฟ เครื่องดื่ม เบเกอร์รี่ ที่ขึ้นชื่อของดุสิตหลากหลายรสชาติ ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น
ส่วนอาคารหลังใน ที่เคยเป็นโกดังเก็บยาทัมใจ ถูกแปลงโฉม ออกแบบตกแต่ง ในสไตล์ อินโดไชน่าโคโลเนียล เปิดบริการอาหารเวียดนามเธียนดอง ถัดเข้าไปในสุดยังมีศาลาเต้นรำ Dancing Hall ที่เหมาะกับการจัดเลี้ยง กลุ่มย่อยและสนามสีเขียวกับสระว่ายน้ำ ถูกปรับปรุงมาเป็น Garden Bar สำหรับนั่งชิลเอ้าต์ยามค่ำคืน
3 ตระกูลดังในซอย “ศาลาแดง”
จากการตรวจสอบยังพบว่านอกจากบ้านศาลาแดงของตระกูล“โอสถานุเคราะห์” แล้วปัจจุบันซอยศาลาแดงยังมีบ้านของตระกูลเก่าแก่หลงเหลืออยู่ อย่างถัดไปทางขาวมือเป็นของตระกูล “สารสิน” ปัจจุบันยังเป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัว “กลินท์ สารสิน” ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งอยู่มาตั้งแต่สมัย คุณพจน์ สารสิน
ถัดไปกลางซอยเป็นบ้านของตระกูล “จิราธิวัฒน์” ซึ่งเดิมเคยเป็นที่อยู่อาศัยและศูนย์รวมของคนในตระกูลรุ่นแรก ที่ได้ซื้อต่อมาจากสถานฑูตออสเตรเลีย ล่าสุดได้ทุ่มงบประมาณหลายร้อยล้านบาทปรับปรุงครั้งใหญ่แล้ว ปัจจุบันไม่มีใครอยู่อาศัยแต่จะใช้เป็นบ้านรับรอง เลี้ยงสังสรรค์ ประชุมในวาระสำคัญ ๆ ของแขกระดับเวอร์รี่วีไอพี หรือคนในตระกูลเท่านั้น ซึ่งในอดีตซอยศาลาแดงยังเคยมีบ้านของตระกูลดัง อาทิ กรรณสูต ซี่งเคยทำอู่รถเฟียตในซอยนี้ โชติกเสถียร และบูรณศิริ เป็นต้น แต่ต่อมาได้ย้ายไปอยู่ที่อื่นหมดแล้ว
เปิดดุสิตสวีท ราชดำริ
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หลังยุติบริการโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ได้เข้าซื้อและบริหารโรงแรม ดุสิต สวีท ราชดำริ ตั้งใจกลางเมือง ถนนราชดำริ เป็นที่ทำการแห่งใหม่ และมีห้องพักแค่ 97 ห้องเป็นห้องแบบสวีททั้งหมด เพื่อรองรับลูกค้าเก่า ขณะเดียวกันพนักงานได้มีงานทำอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกับเปิดธุรกิจใหม่ขึ้นมารองรับ ภายใต้ชื่อ ดุสิต ฮอสปิตัลลิตี้ เซอร์วิสเซส ไม่ว่าจะเป็น จัดเลี้ยงนอกสถานที่ ดุสิตออนดีมานด์ ให้บริการแม่บ้าน ช่างซ่อมบำรุง แก่โรงแรมต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้มีโรงแรมห้าดาวนับสิบแห่งเรียกใช้บริการแล้ว ธุรกิจซักแห้ง ดุสิตอีเว้นท์ รวมถึง บ้านดุสิตธานี
“ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ซีอีโอ บมจ.ดุสิตธานี ระบุว่า การลงทุนบ้านดุสิตธานี นอกจากเป็นการดูแลพนักงานให้มีงานทำต่อเนื่องช่วงรอเปิดโรงแรมใหม่แล้วยังเป็นการรักษาฐานลูกค้าเก่าและขยายลูกค้าใหม่ รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมสัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่น
นับเป็นอีกหนึ่งความพยายามของดุสิตธานี ให้ลูกค้าขาประจำได้หายคิดถึงและรักษาแบรนด์ให้อยู่ในตลาด รอวันโฉมใหม่กลับมาเปิดบริการอีกครั้ง !!!