‘ระยะห่าง’ระหว่าง โกดังเก็บสินค้าอันตรายกับชุมชน

11 เม.ย. 2563 | 04:10 น.
อัปเดตล่าสุด :12 เม.ย. 2563 | 09:33 น.

คอลัมน์ อุทาหรณ์จากคดีปกครอง โดย นายปกครอง

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3564 หน้า 12 วันที่ 9 -11 เมษายน 2562

 

องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนรวมทั้งมีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มาตรา 32 (2) ได้ให้อำนาจราชการส่วนท้องถิ่นในการออกข้อบัญญัติท้องถิ่น เพื่อเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขทั่วไปสำหรับผู้ดำเนินกิจการที่ต้องมีการควบคุม เพื่อปฏิบัติเกี่ยวกับการดูแลสภาพหรือสุขลักษณะของสถานที่ที่ใช้ดำเนินกิจการและมาตรการป้องกันอันตรายต่อสุขภาพได้

เช่น ข้อพิพาทที่นายปกครองนำมาฝาก กรณีเทศบาลได้ออกเทศบัญญัติกำหนดระยะห่างระหว่างโกดังเก็บสินค้าอันตรายกับชุมชนโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ดังกล่าว ซึ่งเจ้าของกิจการโต้แย้งว่า ระยะห่างที่กำหนดนั้นมีระยะมากเกินไป จนเป็นการสร้างภาระแก่ผู้ประกอบการเกินสมควร

โดยเรื่องมีอยู่ว่า... นางสมศรีซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการจำหน่ายปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืช ในลักษณะค้าปลีก อันเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข และต่อมาได้เปลี่ยนมาเป็นค้าส่ง โดยประกอบกิจการในอาคารพาณิชย์ (ตึกแถว) ชั้นเดียว จำนวน 11 คูหา เมื่อดำเนินกิจการไป สักพักได้เกิดอุบัติเหตุระหว่างการขนย้ายยาฆ่าหญ้า จึงทำให้เกิดกลิ่นเหม็นกระจายไปยังบ้านข้างเคียง จนมีการร้องเรียนต่อเทศบาล และนำมาสู่การออกเทศบัญญัติควบคุมกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และเทศบาลได้ออกคำสั่งให้นางสมศรีย้ายสถานที่เก็บสินค้าออกไปให้ห่างจากชุมชนเป็นระยะ 500 เมตร

นางสมศรีจึงยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้เพิกถอนเทศบัญญัติควบคุมกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเทศบาล ในส่วนที่กำหนดระยะห่างระหว่างโกดังกับชุมชนเป็นระยะ 500 เมตรโดยอ้างว่าเมื่อเทียบกับข้อกำหนดของกฎกระทรวงฯ ซึ่งออกตาม ความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ที่ให้ตั้งโรงงานผลิตซึ่งมีผลกระทบต่อชุมชนมากกว่ากิจการซื้อมาขายไปของตน แต่สามารถตั้งอยู่ห่างจากชุมชนเพียง 50 เมตร ถึง 100 เมตร เท่านั้น

คดีจึงมีประเด็นปัญหาที่น่าสนใจว่า การที่เทศบาล ต. ได้ออกเทศบัญญัติควบคุมกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยกำหนดให้โกดังเก็บสินค้าที่เป็นอันตรายต้องตั้งอยู่ในทำเลที่ห่างจากบริเวณสถานศึกษา ศาสนสถาน ตลาด ชุมชน และโบราณสถาน หรืออื่นๆ ไม่น้อยกว่า 500 เมตร ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่? 

 

ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า การออกเทศบัญญัติที่พิพาทก็สืบเนื่องมาจากปัญหาข้อร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับกลิ่นสารเคมีจากการประกอบกิจการของผู้ฟ้องคดี และเนื่องจากสถานประกอบการค้าส่วนใหญ่จะอยู่ในชุมชนหรือตลาด หากให้เก็บสินค้าอันตรายจำนวนมากอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งเทศบัญญัติดังกล่าวมีข้อกำหนดว่า สถานประกอบกิจการที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายหรือสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพต้องวางจำหน่าย ณ สถานที่จำหน่ายเพียงปริมาณน้อย เพื่อเป็นตัวอย่างสินค้าและหรือสถานที่จำหน่ายจะต้องควบคุมให้เป็นไปตามพ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535

 

‘ระยะห่าง’ระหว่าง โกดังเก็บสินค้าอันตรายกับชุมชน

 

รวมทั้งโกดังที่เก็บสินค้าต้องตั้งในทำเลที่ห่างจากบริเวณสถานศึกษา ศาสนสถาน ตลาด ชุมชน และโบราณสถานหรืออื่นๆ ไม่น้อยกว่า 500 เมตร ประกอบกับกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรการในการควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. 2545 กำหนดให้สถานประกอบกิจการต้องตั้งอยู่ห่างจากชุมชน วัด ศาสนสถาน โบราณสถาน โรงเรียน สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล หรือสถานที่อื่นๆ ตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง  

ทั้งนี้ในกรณีที่สถานประกอบกิจการที่ไม่เข้าข่ายเป็นโรงงานให้ราชการส่วนท้องถิ่นสามารถกำหนดในข้อกำหนดของท้องถิ่นโดยคำนึงถึงลักษณะและประเภทของการประกอบกิจการของสถานประกอบกิจการนั้นๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนหรือก่อเหตุรำคาญด้วย

 

เมื่อสถานประกอบการจำหน่ายปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืชของผู้ฟ้องคดีไม่เข้าข่ายเป็นโรงงาน การกำหนดระยะห่างของโกดังที่เก็บสินค้าให้ห่างจากบริเวณชุมชนดังกล่าว เทศบาลจึงมีดุลพินิจในการกำหนดได้ โดยคำนึงถึงลักษณะและประเภทของการประกอบกิจการ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัย ของประชาชนหรือก่อเหตุรำคาญตามนัยข้อ 3 ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรการในการควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. 2545

ดังนั้น การออกเทศบัญญัติในส่วนที่พิพาทจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อส. 5/2562) บุคคลย่อมมีสิทธิที่จะดำรงชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีและไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัย อันถือเป็นสิทธิที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้รับรองไว้ เจ้าหน้าที่ของรัฐจึงมีอำนาจตามกฎหมายในการดำเนินการเพื่อความปลอดภัยเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยของประชาชนในชุมชน

เช่น คดีนี้ที่เทศบาลได้ใช้อำนาจในขอบเขตที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยการตราเทศบัญญัติที่พิพาทเกี่ยวกับระยะห่างของที่ตั้งโกดัง
กับชุมชน ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เป็นดุลพินิจของราชการส่วนท้องถิ่น นั้นๆ โดยคำนึงถึงลักษณะและประเภทของการประกอบกิจการ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนหรือก่อเหตุรำคาญประกอบการพิจารณาด้วย (ปรึกษาคดีปกครองได้ที่สายด่วนศาลปกครอง ๑๓๕๕)