คนทำมาหากินอย่างเราๆสิ่งที่พึงปรารถนามากที่สุดก็คือความสำเร็จ คำว่าความสำเร็จในอาชีพหมายถึงมีความมั่นคงมั่งคั่งในชีวิตคือมีการเงินที่ มีเสถียรภาพ มีงานที่มั่นคง และเจริญก้าวหน้า
พระพุทธเจ้า ทรงสอนอยู่เสมอว่า ทุกๆความสำเร็จนั้นจะต้องเริ่มต้นจากความคิด แม้แต่การบรรลุธรรม ก็ต้องเริ่มต้นจากความคิดที่ถูกต้องก่อน อาทิ สัมมาทิฏฐิ แปลความได้ว่า ความคิดเห็น โดยชอบ คำว่าชอบคำนี้หมายถึงชอบธรรม
ดังนั้นในทางโลก ความสำเร็จก็ต้องเริ่มต้นจากความคิดเช่นเดียวกัน แต่ความคิดในทางโลกที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนั้น คือการคิดที่ ก่อให้เกิดลักษณะของความสงบ ไม่กระวนกระวาย มากเกินไปตลอดทั้งไม่กังวล และไม่เครียด ถึงอดีต ตลอดทั้งอนาคต
ที่สำคัญที่สุดก็คือความคิดอันไหนจิตใจอันนั้น เรามีความคิดอย่างไรที่ใจเราก็เป็นแบบนั้น เพียงแต่ว่ายังไม่ได้แสดงออกมาทางกายและวาจาเท่านั้น
ถ้าเราลองศึกษาประวัติของบุคคลที่ประสบความสำเร็จเป็นเศรษฐีเราจะเห็นได้ว่าเขาต่างก็มีแนวคิด ที่ค่อนข้าง ไปในเชิงบวก เกือบทุกๆเรื่อง การที่คิดในเชิงบวกนั้น ก็เป็นการฝึกจิตอย่างหนึ่ง
เพราะมโนกรรมทั้งหลาย ก็ล้วนมาจากจิตที่เป็นรากฐานด้วยกันทั้งสิ้นและ กรรมที่เกิดจากมโนกรรมมีผลค่อนข้างรวดเร็ว ดังนั้นถ้าเราคิดในมุมเชิงบวกผลของการคิดในเชิงบวกนั้นก็ย่อมสนองให้กับเราได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน
คนที่ภาวะจิตคิดแต่ในเชิงบวกนั้นย่อมมีสุขภาพจิตที่สมบูรณ์ มีจิตที่เปี่ยมด้วยพลังงานดีๆ และนี่แหละครับที่เรียกว่ามโนกรรม เมื่อใดก็ตามที่วิบากของมโนกรรมแสดงผล ย่อมแสดงผลออกมาเป็นรูปธรรมได้ อย่างน่าอัศจรรย์
จึงไม่แปลกใจเมื่ออัลเบริต์ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกอีกคนหนึ่ง ได้อุทานออกมาหลังจากที่ไม่มีโอกาสอ่านพระไตรปิฎก ในหมวดของธรรมะทั้งปวง ว่า
"จิตนาการสำคัญกว่าความรู้"
ดังนั้นพระที่เป็นนักปฏิบัติ จึงเน้นการสร้างภาวะจิต ให้เกิดมโนกรรมที่ดี เพราะจะง่ายต่อการฝึกปฏิบัตินั่นเอง
การมีความคิดที่ดี ย่อมส่งผลดีต่อชีวิตเสมอ โดยเฉพาะการคิดในมุมบวกลองฝึกกันนะครับ สิ่งใดเกิดขึ้นกับตัวเราเข้ามากระทบตาหูจมูกลิ้นกายใจเราก็มองเรื่องนั้นสิ่งนั้นให้เป็นบวกให้ได้ แล้วผลแห่งมโนกรรมจะน้อมนำสิ่งที่ดีมาสู่ชีวิตของคุณอย่างแน่นอน โดยเฉพาะท่านใดที่ปรารถนาจะประสบความสำเร็จ ก็ย่อมสำเร็จตามที่คิด เมื่อมีการลงมือทำ อย่างจริงจังควบคู่กันไป