ช่วงทศวรรษที่ 1990 ต่อเนื่องมาจากปี 1980 สำหรับเหล่าวัยรุ่นผู้มีดนตรีในหัวใจคงไม่มีใครปฏิเสธความรู้จักและความคำนึง_ถึง บอง โจวี่ คณะนักร้องหัวทองฟูฟ่องในรองเท้าบู๊ทสกิ้ดโรลล์หนังงูหัวแหลมเชี้ยว เลี่ยมทองเหลืองปั้มรูปเขาควาย กางเกงยีนส์เข้ารูปกับเสื้อกรุยรุ่ยร่าย นำเสนอบทร้องกระแทกกระทั้นเจาะใจ และในจังหวะร็อคอันเร้าใจนั้น ต้องแหกปาก_แหกปากด้วยความหนาหนักและแข็งแกร่งของท่วงทำนอง เปนที่มาให้ผู้คนขนานนามกันว่า มันไม่ใช่แค่ร็อค แอนด์โรล ในนิยามความหมายแห่งการเคาะเท้าและ โยกคลึง แต่ว่ามันเป็น semi-heavy เมทัล_ดนตรีเนื้อกึ่งเหล็กที่มีมวลหนาหนักและคมแกร่ง
บอง โจวี่ เปิดวงมาด้วยนักร้องนำชื่อจอน เจ้าของนามสกุลเดียวกับวง_บอง โจวี่ ลักษณาการเปนเด็กหนุ่มหน้าหวานบ้านอยู่นิวเจอร์ซี่ เมือง tough เมือง real ไม่ไกลจากนิวยอร์คและคู่หูประกอบวงมีเดวิทหน้าลิงเล่นเครื่องดีด ทิกโก้มือกลอง และริชชี่ลีดกีตาร์ไฟฟ้า ด้วยรูปลักษณ์หน้าตาผ่องแผ้วหมดจดประกอบเนื้อหาทำนองสร้างสรรค์รึกเร้า จนความโด่งดังปกคลุมไปทั่วสหรัฐอเมริกาทั้งทางตะวันออกและตะวันออก ทะลุออกไปไกลข้ามโพ้นทะเล ผู้คนว่านี่ล่ะ_มันงานระดับเจ้าชายชัดๆ
ก็ในยุคของเทปคาสเส็ทและแผ่นเลเซอร์ดิสก์ จอน บอง โจวี่ได้รับสมญา_มกุฎราชกุมารแห่งนิวเจอร์ซีย์_the crown prince ด้วยว่าบัลลังก์ของราชันย์เพลงผู้มีถิ่นกำเนิดแต่มลรัฐนี้ยังถูกครองประทับอยู่เป็นแม่นมั่นจาก บรูซ สปริงทีน เจ้าราชวงศ์เพลงคลาสสิกร็อคเนื้อหาคันทรี่ ชนิดที่ว่าเจ็ดสิบกว่าเข้าแล้วหาได้มีวี่แววจะถอนกำลังออกจากพระราชวังดนตรีไม่_55
มาวันนี้ บอง โจวี่ มีวัยล่วงพ้นเลข 5 มาไกลโขนั่งชิลๆ ในผมสีดอกเลาใส่สูทบางๆ เปนแขกรอแสดงความยินดีในงานแต่งบ่าวสาวคู่หนึ่ง พลันท่วงทำนองอันคุ้นเคยที่เลือนลางหายไปนานค่อยๆลอยล่องมาใส่ประสาทโสต “Wovhhh, We gotta hold on , ready or not.”
อย่างเหนียมๆในงานวิวาห์ที่ตัวเองได้รับเชิญเปนแขกนั้น พอนักร้องเขาเล่นเพลงตัวเองขึ้นมา เชิญให้ขึ้นไปแจม พี่จอนก็, อย่างเสียมิได้, ด้วยท่วงลำนำดนตรีที่คุ้นเคยนั้นมันเร้าจิต จูงวิญญาณให้สำแดงออกซึ่งความประทับใจฝังลึก_ต้องออกมาเต้น
“Wovhhh, We gotta hold on , ready or not.” นี้คือวรรคทองแห่งบทเพลง Living on a prayer อันกระเดื่องเลื่องลือในอัลบั้ม SLIPPERY WHEN WET- ทางเปียกจะเสี่ยงลื่น 55 ณ ปี 1986 We are tough, we are real คนนิวเจอร์ซี่ส์วาดภาพตัวเองไว้อย่างนั้น ในบทเพลงเปี่ยมความหมายนี้ บอง โจวี่ ขับขานเพลงร็อคร้องเล่า
ทอมมี่มาทำงานอู่ต่อเรือ สหภาพสไตร์ค หยุดงานเงินก็หมด ค่าจ้างก็ไม่ได้ ในความอับโชคนั้นทอมมี่คอตกชีวิตไร้งาน ไร้เงิน ชะตาไม่เข้าข้าง ช่างบัดซบ และหนักหนา
จีน่า ออกไปทำงานร้านอาหารตัวเปนเกลียว ได้ค่าแรงน้อยนิดช่วยทอม, กลายเปนหล่อนหาเงินเข้าบ้าน ยามคนรักตกที่นั่งลำบาก อืม_เพราะรัก_เพื่อรัก
จีน่า ว่า “ เราก็ต้องทนให้มันผ่านช่วงนี้ไปก่อน”, ในนิยามแห่งความขุกเข็ญ ซึ่งกำลังก้าวรุกเข้ามาในชีวิต ในความเยือกเย็นของหล่อนนั้น จีน่ารำพึงแก่ทอมว่า “มาถึงตอนนี้ ไอ้ทั้งหมดที่เราฝันกันไว้ มันจะพังครืนลงมาเปนปราสาททราย มันก็ไม่ต่างอะไรกันหรอก” แค่เรามีกัน แค่นั้นมันก็มากพอนะ_ความรักน่ะ”
ในความรำพึงรำพันนั้นจึงสบถรำพึง เอ้อ_“ลุยแม่งกันซักตั้งวะ !”
ทอมมี่มีกีต้าร์หกสายตึ๊งอยู่โรงจำนำ หวลคิดถึงมันว่า กูหนอ ของเคยเล่นได้ดีดได้กลายเปนเพลง_เพื่อนรักมาวันนี้หมดท่า ไม่มีปัญญาไถ่ออกมา
หนักหวะปีนี้ หนักจริงๆ ในความมืดมนอนธกาล วูบหนึ่งจีน่าว่า_‘ไม่ไหวแล้ว’ อยากหนีไปให้ไกลจากชีวิตติดหล่มนี้ น้ำตาแห่งความหมดหวังเอ่อร่วง...ทอมมี่กระซิบแผ่ว ‘โถ่_ที่รัก, มันต้องดีขึ้นสักวัน’
คราวนี้กลับเปนทอมมี่ ที่ปลอบว่า “เราก็ต้องทนอยู่กับมันให้ได้”, ในนิยามความขุกเข็ญ ชีวิตตกตะกอนของทอมอยากบอกว่า
• มันไม่ต่างหรอกว่าความฝันที่เราสองคนหมายมั่นไว้อ่ะ_เราจะไปถึงหรือเปล่า
• แต่เรามีกันแค่นั้นมันก็มากพออยู่นะ_ความรักน่ะ
• ‘เราลองลุยกะมันสักตั้งนะ’
• เออ นี่เราก้อมาได้ครึ่งทางแล้วนะ
• เราก็ต้องมีศรัทธา living on a prayer!
• จับมือกันไว้ เราต้องทำได้_ฉันสาบาน!
• โว๊ะ_ก็เรามีศรัทธานี่นะ
เวลาผ่านมา 35 ปี ไม่คิดเลยว่า บอง โจวี่ ร้องเพลงเพื่อชีวิต!! สองคนนี้เปนใคร ? ทอมมี่ & จีน่า ในบทเพลง เร้าใจอีกเพลงหนึ่ง “its my life” ที่ดังเปรี้ยงปร้างขนาด มิตซูบิชิญี่ปุ่น ซื้อไปทำเพลงโฆษณาขายรถ ก็ขายดีเปนเทน้ำเทท่า ทั้งซีเดีย จีวากอน และปาเจโร่ ในนามปฏิบัติการ “turn on your emotion”
บอง โจวี่ ก็ยังคงมีการพูดถึงทอมมี่ & จีน่าในลักษณาการ tribute หรือสรรเสริญในความเป็นคู่ชีวิตผิดคิวที่ไม่เคยยอมแพ้แก่ชะตาเล่นตลก ประโยคนั้นมีว่า This is for the ones who stood their ground. It’s for Tommy and Gina who never backed down. Tomorrow’s getting harder, make no mistake. Luck ain’t enough. You’ve got to make your own breaks
ทอมมี่เปนนามแฝงของเพื่อนรักคนหนึ่งของทอม ตั้งแต่ยุค ม.ปลาย ทอมมี่หน้าตาดี เล่นกีฬาเก่ง เกือบจะได้ทุนช้างเผือกไปเรียนมหา’ลัยอยู่แล้ว แต่โค้ชดันไปจับได้ว่าแอบสูบบุหรี่อยู่ลานจอดรถ
จีน่าเปนนามแฝงของเชียร์ลีดเดอร์สาวผมบลอนด์สวยเฉี่ยวน่ารัก สองคนเปนดาวและเดือนของโรงเรียน ฝ่ายปกครองจับได้อีกว่าจีน่าแอบสูบบุหรี่อยู่ลานจอดรถ!
อย่ากระนั้นเลยในยุค 1980s ที่งานถูกจับได้ มันกลายเปนเรื่องใหญ่ ทอมมี่กับจีน่า โดดหนีโลกความจริงของผู้ใหญ่ หลบไปเล่นบทผัวเมีย วิวาห์เหาะตัดวงจรพ่อแม่ หวังว่าด้วยความสดใสในวัย 20 นั้น ด้วยรักคำเดียวจะพากันไปตลอดรอดฝั่ง ไอ้หนุ่มและอีสาวอนาคตไกล จบลงไปตรงที่ความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้า ชะตาไม่เข้าข้าง ราศีตกลงจนจะเปนราคี แต่ด้วยความดื้อดึงนั้น สองหนุ่มสาว สู้ยิบตา อ้างเอาอานุภาพความรักเปนหลัก ปลอบใจกันและกัน ขอให้ยึดมั่นและมีความหวัง
ในขณะที่ตลอด 35 ปีที่ผ่านมา เพื่อนจอน บองโจวี่ อดทนเข้าเรียนมหา’ลัย เช้าไปเรียนบ่ายทำงาน ผลิตผลงานและออกเดินทางไป ‘ออนทัวร์’ หาเงินเล่นดนตรีทั่วสหปาลีรัฐ เปิดหูเปิดตาหาประสพการณ์จนความสำเร็จล้นหลามเข้ามาสู่ตัว มีอพาร์ทเมนต์ บ้านเดี่ยวไว้พำนักกับครอบครัวและลูกๆ
ทอมมี่ & จีน่า ยังอยู่ในใจเพื่อนคนนี้เสมอ แม้ว่าทอมจะผลัดงานเรื่อยไปจนสุดท้ายมาขับแท็กซี่และจีน่ายังคงไม่ท้อถอยในการประคองชีวิตคู่ จอน ปิดลำนำตำนานของ คู่รักวิวาห์เหาะคู่นี้โดยเขียนเพลงอีกเพลง “Born to be my baby.” เทอดทูนความรักของทั้งสองคนบนเส้นทางขวากหนาม ทุรน ว่า จีน่านั้นเกิดมาเพื่อเปนแฟนของทอม และทอมเองก็ถูกทำให้เปนผู้ชายของจีน่า ทิ้งท้ายบทลำนำไว้ว่า We are two kids hatching down the road of life, Our World, Our Fight.
ความเยาว์ นั้นเขลาและทึ่ง เด็กสองคนเพิ่งฟักออกมาจากไข่ก็ต้องมาเผชิญเดินสู้บนถนนชีวิตลำเค็ญแล้วไซร้ ในมุมมองของจีน่าและทอม โลกทั้งใบมีกันแค่นี้ เปนโลกใบเล็กๆที่ทั้งคู่ตะเกียกตะกาย โดยอาศัยแค่รักคำเดียว ดิ้นรนสู้ไป
สำหรับใครหรือผู้ใหญ่ในยุคนั้นที่คิดว่าบองโจวี่เป็นนักร้องที่มีดีแต่หน้าตา เนื้อหาของเพลงไม่ได้ความ มีแต่แสงสีพลุระเบิดวุ่นวายฉายวาบบนเวทีสนุกสนานไปเท่านั้น แต่ทว่าหากได้ฟังลึกๆลงไป โมงยามของ บอง โจวี่นั้นไซร้เป็นดนตรีให้กำลังใจเป็นดนตรีเพื่อชีวิตที่จำแลงกายมาในรูปแบบของเซไมเมทัล ร็อค!
ในยุคเศรษฐกิจพังทลายล้มคลืนตลอดพุทธศักราช 2563 ต่อเนื่องมาจนปีนี้ 2564 และยังจะต่อเนื่องไปในปีหน้าและหน้า มั่นใจได้ว่ามีผู้ที่ประเชิญสถานการณ์อย่างทอมมี่กับจีน่าเป็นจำนวนไม่น้อยในประเทศของเรา ซึ่งต้องลำบากฝ่าฟันกันไปทั้งกับสถานการณ์ของโรคระบาด ทั้งอาชีพเก่าของตัวเองที่คุ้นเคยและมีความถนัดก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากถูก disrupt ไปด้วยกระแสการเปลี่ยนแปลงทางดิจิตอลและเศรษฐกิจเสียหมด
บทเรียนชีวิตของทอมมี่และจีน่านี้คงจะถึงเวลาต้องให้ได้ออกมาโลดแล่นกันอีกครั้งจากหน้าประวัติศาสตร์เสียงเพลง เพื่อเปนกำลังใจได้ชุบชีวาของผู้คนทั้งหลายให้ก้าวต่อไปด้วยความรัก ด้วยความมั่นคงในศรัทธาอย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งคือเพื่อเปนบทเรียนแต่คนหนุ่มคนสาวทั้งหลายที่พึงใจในเสื้อปอนๆค่าแรงถูกๆ หวังใจจะประคับประคองกันไปด้วยใช้ความรักเปนข้อนำ ทั้งที่ศักยภาพไปได้ไกลกว่านี้หากแม้นจะอดทนฝืนใจก้าวเข้าไปในโลกกว้างใหญ่ไพศาลที่ตนเองไม่รู้จัก และฟันฝ่าคว้าดาวให้ได้
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 หน้า 23 ฉบับที่ 3,663 วันที่ 21 - 24 มีนาคม พ.ศ. 2564