ตลกงิ้ว บทพิเศษที่ใครๆต้องคารวะ

25 เม.ย. 2564 | 03:00 น.

 

งิ้วเป็นอุปรากรไม่ใช่ละคร  อุปรากร_ในนิยามความหมายว่าต้องรู้เรื่องที่จะแสดงมาก่อนแล้วจึงไปดูการแสดงต่างกับละครที่ไม่ต้องรู้เรื่องรู้บทมาก่อน ไปดูเพื่อจะรู้เรื่อง ดูเอาสนุกไปกับความไม่รู้ ซึ่งบทละครนั้นค่อยๆคลี่คลายขยายปมจนจบลงในตอนท้ายชนิดที่ว่ามี ไคลแม็กซ์สุดยอดของเรื่อง

       ในขณะที่งิ้วนั้น ไคลแม็กซ์ อยู่ตรงนาฏลีลา หรือความสามารถในการร่ายรำแสดงออกด้วยฝีมืออารมณ์และอาภรณ์เปนลักษณาการเดียวกันกับโขนคือผู้ชมนั้นมาชมลีลามากกว่ามาชมเอาเรื่อง เพราะเรื่องนั้นเปนที่ว่าทราบกันอยู่แล้ว โขนและงิ้วจึงมีลักษณะเปนอุปรากรมากกว่าการละคร ดังนี้ฯ

ดึกดำบรรพ์มาทีแต่ไหนไร นาฏยะ_ศิลป์ เช่นว่านี้เขานับกันว่าเป็นของสูง เนื่องจากเดิมทีแล้วดวงจิตของท่านต่างๆในจักรวาฬเวลาลงทรงเพื่อสื่อสารกับผู้คนในโลกมนุษย์ ลงเข้ามาแล้วประทับอยู่ที่ตัวมนุษย์ มนุษย์ที่ถูกลงก็จะมีอาการอย่างแตกต่างไปจากคนปกติ เกิดการร่ายรำ ยกก้าวขาการกิริยาพูดจาชี้นิ้วพยักหน้า เพยิดนิ้ว ไม่เหมือนเดิมในเวลาที่เป็นคน กลับมีกิริยาแปลกไปดังกล่าว จึงนับว่ากิริยาดังนี้เองเป็นกำเนิดของท่ารำสำคัญในวัฒนธรรมต่างๆซึ่งเรียกกันว่าเป็นของสูงเพราะเป็นเรื่องสื่อสารหรือนำท่าทางมาจากดวงจิตศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอยู่ในที่สูง บนสวรรค์ หรือ ในอีกมิติหนึ่งที่ท่านผู้สำเร็จเหล่านั้นไปสถิตอยู่ มาสู่โลกย์ฯ

 

ตลกงิ้ว บทพิเศษที่ใครๆต้องคารวะ

 

ในกรณีของอุปรากรฝ่ายโขนนั้น ท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์เปนเทพยดาฝ่ายโขน ได้แก่ พระพิราพ นับเปนบรมครูผู้ใหญ่ ท่านจะลงมาประสาทพรในวาระมีการแสดงมีการไหว้ครูแล้วไซร้ จะต้องมีดนตรีปี่พาทย์บรรเลงเฉพาะ รับท่านครู ถือเปนเพลงพิเศษเปนเพลงชั้นสูง เรียกว่าหน้าพาทย์_เพลงหน้าพาทย์ รำหน้าพาทย์ ส่วนอีกองค์หนึ่งคือครูพระฤาษี_พระภรตมุนี ผู้ที่เปนต้นเค้าจารึกวิชานาฏยศาสตร์ครูพระฤาษีนี้ชาวบ้านเรียกท่านว่า พ่อแก่

อนึ่งคำว่า พ่อแก่นี้ ได้ยินพวกเมืองตากและกำแพงเพชร ใช้เรียก ตา (บิดาของแม่) ของตัวเอง ลักษณะคล้ายฝรั่งเรียกพ่อว่า my old man เด็กเมืองตาก/เมืองกำแพง เรียกตา ผู้อาจเปนเจ้าของเหย้าเรือนที่ตัวได้อาศัยว่า แก่/พ่อแก่ ในลักษณาการของพ่อคนที่สอง ที่แก่กว่าพ่อตัว [หมายเหตุ: ธรรมเนียมไทยในวัฒนธรรมข้าวเจ้านั้น ผู้ชายแต่งเข้าครัวผู้หญิงเพื่อเปนแรงงานในการเก็บเกี่ยวหว่านไถ จึงเปนลูกเขย_พ่อ‘ตา’ ไม่มีลูกสะใภ้_พ่อ‘ปู่’เปนแต่ว่า พ่อผัวแทน]

 

ในวัฒนธรรมนาฏศิลป์นั้น ยามเมื่อครูท่านลงแล้ว ก็มักจะคอยช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆให้แก่ศิษย์ ไม่ว่าจะปัญหาในวิชา หรือ ปัญหาส่วนตัว ทั้งนี้ก็ด้วยว่าอำนาจความเมตตาแห่งครูนั้นเหลือประมาณ ให้ความสงเคราะห์แลอนุเคราะห์แก่ศิษย์ในที่ทุกสถาน อันเปนการ ‘ถือ’อย่างศีลาจริยวัฒน์ข้อปฏิบัติประจำหัวใจผู้เปนครู อันส่งผลวนกลับให้ครูท่านมีบารมีสั่งสมมากเพราะเปนผู้ให้การสงเคราะห์แลอนุเคราะห์แก่ศิษยานุศิษย์ด้วยประการฉะนี้

ยามเมื่อมีศิษย์คิดนอกครู ไม่เชื่อฟัง รับวิชาแล้วทำผิดจารีตหรือลักเอาวิชาครูไปใช้ในรูปแบบผิดๆ ท่านครูก็อาจสำแดงฤทธาให้ได้เห็น ได้สำนึกเพื่อการแก้ไขฤทธา อย่างนี้มักมาในรูป ‘ครูลง’ ให้ชักตาตั้งในพิธีต่างๆ หรือ สั่นเทิ้มขาดสติ ยามได้ยินเสียงปี่กลองประโคม ประดาครูมนุษย์ที่เปนศิษย์ท่านครูเหมือนกันแต่อาวุโสมากกว่า ก็จะทราบรหัสนัยลงมือแก้ไขโทษ โดยมากแล้วใช้นํ้าล้างหน้าตะโพน รองกรอกปากผู้มีอาการ ก็มักจะหายและครูท่านคลายโทษให้อาถรรพ์ของตะโพน และครูตะโพน พระตะโพนธรรพ จะแยกไปต่างหากไม่เล่าในที่นี้ 

ส่วนของงิ้วนั้น ก็มีเทพยดาสำคัญเปนครูเหมือนกันจะกล่าวถึงบุคคลสำคัญ 2 ท่านเปนหลักก่อน ท่านเเรกคือฮ่องเต้ถังเสวียนจง ในยุคราชวงศ์ถัง ฮ่องเต้องค์นี้ชอบการนาฏศิลป์เสด็จ ‘ออกโรง’ เล่นงิ้วเองเปนประจำ และทรงเปนครูสอนแลกำกับการละเล่นด้วย ฮ่องเต้ถังเสวียนจงติดต่อกับเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ได้ในทางจิต บทเพลงท่วงทำนองระบำงิ้วท่านได้มาจากเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ ฝ่าบาทไม่นิยมเล่นบทตัวพระหรือตัวนาง หากแต่ทรงนิยมเล่นบท joker_ตัวตลก พระองค์แต่งหน้าโดยใช้สีขาวคาดตาเพื่อมิให้คนดูจำได้ เวลาเล่นตลกจะได้ไม่เก้อเขินอิหลักอิเหลื่อทั้งคนเล่นคนดู

ตลกงิ้ว

ฮ่องเต้เสวียนจง ทรงมีพระโอรสเล็กๆ ชื่อองค์ชายสามครั้งหนึ่งไปตามหาเสด็จพ่อ ในโรงงิ้ว สับสนอยู่ว่าคนไหนงิ้ว คนไหนพระบิดา จึงมัวเล่นซุกซน อีท่าไหนไม่ทราบเสด็จไปเล่นซ่อนอยู่ในหีบอุปกรณ์ ผู้คนตามหากว่าจะพบ องค์ชายก็สิ้นพระชนม์เปนศพอยู่ในหีบไปเสียแล้ว

ตลกงิ้ว บทพิเศษที่ใครๆต้องคารวะ

ตลกงิ้ว บทพิเศษที่ใครๆต้องคารวะ

ฮ่องเต้มีราชโองการ สถาปนาองค์ชายสาม เปน “เทพแห่งความสุข” คณะงิ้วก็รับพระราชกระแสรับสั่งตามนั้นเรียกอ้อมๆว่า “ศิษย์พี่ใหญ่” พวกแต้จิ๋ว เรียก ‘ซาไท้จือ’องค์ชายสามทำรูปเคารพเปนรูปเด็กเเบเบาะ หน้าโรงผู้แสดงเล่นตุ๊กตานี้ได้ หลังโรงไซร้ต้องกราบไหว้เคารพเพื่อเปนผู้แทนพระองค์บรมครูงิ้ว ซาไท้จือหรือเทพแห่งความสุขนี้ จึงได้ประดิษฐานเปนที่เคารพสักการะแก่ประดาคณะงิ้วเป็นการทั่วไป ยามจะเบิกโรงออกแสดงเพื่อเป็นเอ็นเตอร์เทนเม้นท์แก่จ้าวในศาลเจ้าต่างๆก็จะอัญเชิญออกทำพิธีเบิกโรง กราบไหว้ฟ้าดินในลักษณะของการไหว้ครูก่อนบางทีก็ทำพิธีปกเซียงเชิญคำอำนวยพรของเทพเจ้าชั้นสูงมาอำนวยให้แก่ท่านเจ้าภาพที่จ้างงิ้ว จากนั้นจึงเล่นงิ้วออกโรงได้ 

อนึ่งแล้วน่าสนใจว่าธรรมเนียมงิ้วนั้นตัวตลกกลับมีศักดิ์สูงที่สุด สูงกว่าตัวพระ สูงกว่าตัวนางเนื่องจากบรมครูงิ้วนั้นพระองค์ทรงเปนกษัตริย์ บทบาทตัวตลกที่ทรงโปรดปรานสวมบทออกแสดงจึงได้รับการนับถือตามไปด้วย ยามแต่งหน้าตัวตลกได้สิทธิ์ในการแต่งหน้าก่อนผู้อื่น และยามเมื่อไหว้ครูองค์ชายสาม หรือไหว้เจ้าที่ศาลเจ้าที่ไปแสดงตัวตลกคงยืนอยู่ไม่ต้องคุกเข่าได้ 

 

นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,673 sน้า 23 วันที่ 25 - 28 เมษายน พ.ศ. 2564