ผบ.ตร.เอาจริงมั้ย? ล้าง“ตำรวจทุจริต”

30 เม.ย. 2564 | 01:05 น.
อัปเดตล่าสุด :30 เม.ย. 2564 | 10:09 น.

ผบ.ตร.เอาจริงมั้ย? ล้าง“ตำรวจทุจริต” : คอลัมน์ทางออกนอกตำรา ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3675 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 2-5 พ.ค.2564 โดย... บากบั่น บุญเลิศ

ปรากฎการณ์ “ไทยมุง” กับแนวทางการจัดการไวรัสโควิด และการจัดหาวัคซีนมาสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับคนไทยของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจเป็นปัญหาใหญ่ของไทยทั้งชาติ ที่ต้องระดมสรรพกำลัง ระดมความรู้ของผู้เชี่ยวชาญแต่ละภาคส่วนออกมาร่วมกันแก้ไข

ถึงวันนี้ต้องบอกว่า การที่ นายกฯลุงตู่ ประกาศรวบเอาอำนาจในการจัดการด้านสาธารณสุข ด้านวัคซีน ด้านการแก้ปัญหาของโรคมาไว้ที่นายกฯนั้น เป็นเดิมพันของ พล.อ.ประยุทธ์ ไปแล้วว่า “ผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”

ถ้าทำสำเร็จ รัฐบาลลุงตู่ก็อยู่ต่อไป แต่ถ้าแก้ปัญหาวัคซีน-โควิด ไม่สำเร็จในปีนี้ จบกัน...

การตั้งทีมไทยแลนด์ 4 ทีมขึ้นมา จึงเป็นการดึงสรรพกำลังของชาติมาร่วมแก้ไขปัญหาประเทศ เหมือนกับที่ลุงตู่เคยประกาศธรรมภาษิตในพระพุทธศาสนาไว้บทหนึ่ง ที่สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกฯเคยยกมาเตือนสติคนไทยในยามที่เกิดความแตกแยกปั่นป่วนสับสนในสังคม...

ธรรมภาษิตบทนี้ มีใจความว่า .........

“เมื่อถึงยามคับขันประชาชนต้องการผู้กล้าหาญ
เมื่อถึงคราวปรึกษางาน ต้องการผู้ที่ไม่พูดพล่าม
ยามมีข้าวน้ำ ต้องการผู้เป็นที่รัก
ยามเกิดปัญหา ต้องการบัณฑิต” 

ขอทุกท่านจงเป็น “ผู้กล้าหาญ” ที่จะละความดื้อด้านเห็นแก่ตัว ความเคยตัว และความไม่ระมัดระวังตัว 

ขอทุกท่านจงเป็น “ผู้ที่ไม่พูดพล่าม” โดยปราศจากสาระ ก่อความร้าวฉานชิงชัง ในยามที่สังคมต้องการสาระ คำปรึกษาหารือ และกำลังใจ 

ขอทุกท่านจงประพฤติตนเป็น “บัณฑิต” ผู้รู้รักษากายใจของตัวให้ปลอดจากโรคกายโรคใจ 

ขอทุกท่านเป็นผู้ฉลาดศึกษา ค้นคว้า วางแผน ชี้แนะ และลงมือทำ”...

ผมเชื่อมั่นว่าถ้าคนไทยร่วมแรงร่วมใจกันทำ ไม่มีอะไรไม่สำเร็จ!

ขอเพียงคนไทยต้องให้โอกาสคนที่ลงมือทำ ได้ทำงานในภารกิจนี้อย่างเต็มความสามารถ

คนไทยต้องเลิกติ เลิกด่าทอ เลิกชี้นิ้วว่าคนอื่น เลิกคิดเลิอกแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันทางการเมือง เพื่อแสวงหาอำนาจมาอยู่ในอุ้งมือตัวเองที่ติดกันเป็นนิสัย และอยู่ในสันดานกันชั่วคราว 

แล้วหันมาให้กำลังใจ ให้คนเหล่านั้นมีพลังในการคิดในการลงมือทำ ผมเชื่อว่า ไทยทำได้ ประเทศไทยเรารอดแน่นอน......

ผมจึงขอพักเรื่องการจัดการโควิดและวัคซีน ปล่อยให้ “ทีมนายกรัฐมนตรี-ทีมไทยแลนด์” ได้ทำงานกันให้เต็มที่ เพื่อชีวิตที่ดีของคนไทยหลังจากนี้ไป

แต่ที่ผมเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ ที่คนไทยทุกคนควรหันมาให้ความสนใจและสนับสนุนความตั้งใจนี้ให้เป็นรูปธรรมคือเรื่องนี้.....

เรื่องที่ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ได้ลงนามประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง เจตนารมณ์ในการป้องกันการทุจริตของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2564 ที่ระบุว่า “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ข้าราชการตำรวจ และลูกจ้างประจำ ขอประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันว่า จะสร้างมาตรฐานด้านความโปร่งใส พร้อมรับผิดชอบผลที่เกิดจากการกระทำ สร้างองค์กรให้ปลอดจากการทุจริตในการปฏิบัติหน้าที่” 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะยึดวัฒนธรรมคุณธรรมในองค์กรที่จะปฏิบัติหน้าที่ ด้วยการมุ่งประโยชน์ส่วนรวมของคนในสังคม มีคุณธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ สร้างความก้าวหน้าให้เกิดแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ โดยคำนึงถึงผลการปฏิบัติหน้าที่มากกว่าความสัมพันธ์ส่วนตัว มีการสื่อสารภายในหน่วยงานที่ชัดเจนทุกระดับ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ภายในองค์กร 

นอกจากนี้จะสร้างค่านิยมสำหรับองค์กรหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ทุกคนพึงยึดถือเป็นแนวปฏิบัติควบคู่กับกฎ ข้อบังคับ ในการที่จะสร้างองค์กรที่ใสสะอาด ให้บริการด้วยความโปร่งใส เป็นธรรมต่อประชาชนผู้รับบริการ และพัฒนาคุณภาพการดำเนินงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

นี่สิเป็นเรื่องใหญ่ที่คนไทยต้องช่วยกันทำให้การประกาศเจตนารมณ์ของ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เกิดเป็นความจริงในทางปฏิบัติให้ได้

ผมว่าเจตนารมณ์ของผู้นำในองค์กรตำรวจแบบนี้แหละ คือตัวนำร่องในการปฏิรูปตำรวจให้เกิดขึ้น และผมเชื่อว่าตำรวจทั่วประเทศร่วม 297,300 นาย เป็นตำรวจสัญญาบัตร 64,000 นาย ตำรวจชั้นประทวนราว 233,900 นาย พากันอ้าปากค้างและเงี่ยหูฟังว่านโยบายและแนวปฏิบัติของ ผบ.ตร.ในการนำพาให้องค์กรตำรวจเป็น องค์กรโปร่งใส ปลอดจากการทุจริตได้อย่างไร?

เพราะในองค์กรตำรวจที่มีเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายกระจายอยู่ทั่วประเทศนั้นถูก “มะเร็งร้ายจากการกินตามน้ำ กินทวนน้ำ กินเงินคนจนคนหาเช้ากินค่ำที่ทำผิดกฎหมายโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจกันจนเป็นนิสัย” ใครไม่กิน ไม่ส่งนาย อยู่ไม่ได้ แล้วจู่ๆ ผบ.ตร.มาประกาศแบบนี้จะทำได้อย่างไร

ผู้คนอาจหัวเราะร่วน ปรามาส ผบ.ตร.ที่ชื่อ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ที่มีอายุการทำงานอีกเพียงแค่ปีหน้า 2565 แต่ผมเห็นว่า ประกาศเจตนารมย์แบบนี้แหละที่เราควรสนับสนุนและเป็นกำลังให้ดำเนินากรสำเร้จ เพราะถ้าสิ่ง “บิ๊กปั๊ด” ประกาศไว้นั้นทำสำเร็จเพียงแค่ 10-30% ประชาชนคนไทยทุกคนจะได้รับประโยชน์กันถ้วนหน้า

ผมจึงไปตามล่ามาว่า ผบ.ตร. ประกาศจริงหรือทำเล่นๆ พบว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ไม่ได้ทำแค่พูด ได้ออกแนวปฏิบัติให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกฝ่ายยึดถือเพื่อให้บรรลุเจตนารมณ์นี้ไว้ด้วย

1. บริหารงานและปฏิบัติหน้าที่ ด้วยหลักธรรมาภิบาล โดยมุ่งตอบสนองความต้องการของประชาชนด้วยความถูกต้อง เป็นธรรม โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน

2. ปลูกจิตสำนึก ปลูกฝังค่านิยม ทัศนคติ บุคลากรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ยึดหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการปฏิบัติหน้าที่และการดำรงชีวิต

3. ส่งเสริมให้องค์กรเอกชนและภาคประซาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมอย่างเปิดเผย สามารถเข้าร่วมได้ในหลายช่องทาง

4. ส่งเสริมและรณรงค์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างต่อเนื่อง มีบทลงโทษผู้ทุจริต อย่างจริงจังและรุนแรง ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

5. ส่งเสริมการต่อต้านและเฝ้าระวังการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ มีการเฝ้าระวังอย่างรัดกุม และใช้มาตรการลงโทษขั้นสูงกับผู้ทุจริตคอร์รัปชัน และผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาดและเป็นธรรม

ปรบมือสิพี่น้องไทย!

แล้วที่ ประกาศเจตนารมณ์ว่าจะบริหารงานด้วยความชื่อสัตย์สุจริตตามหลักธรรมาภิบาล เกิดความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้  มีเจตจำนงต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ จะดำเนินการอย่างไรบ้าง ผมไปพบประกาศคำสั่งอีกว่า

1. ปฏิบัติหน้าที่ทุกขั้นตอนตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคับอย่างครบถ้วน เคร่งครัด ตลอดจนส่งเสริมบุคลากรให้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคับที่กำหนด

2. ปลูกฝังและสร้างความตระหนักรู้ ค่านิยมในการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน รู้จักแยกแยะประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมให้ได้ เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกในด้านคุณธรรมและป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันในหน่วยงาน รวมถึงการถ่วงดุลภายในที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้บุคลากรในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตระหนักถึงผลร้ายและพิษภัยของการทุจริตคอร์รัปชันต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติและประเทศชาติ เพื่อให้เกิดวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันอย่างยั่งยืน

3. ไม่ยอมรับพฤติกรรมการทุจริตคอร์รัปชัน และไม่ทนต่อการทุจริต

4. มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใส เสมอภาค เที่ยงธรรม ชื่อสัตย์ สุจริต รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ทันต่อพลวัตของการทุจริตและสอดคล้องกับมาตรฐานในการปฏิบัติหน้าที่

5. มุ่งบริหารงานโดยยึดหลักธรรมาภิบาลและร่วมกันสร้างวัฒนธรรมคุณธรรมให้เกิดขึ้นในองค์กร และจะบริหารงบประมาณด้วยความโปร่งใสคุ้มค่า ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการ และพร้อมแสดงความรับผิดชอบ หากการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งผลกระทบและเกิดความเสียหายต่อสังคมโดยรวม

ทำได้ไม่ได้ผมไม่รู้ แต่ผมงี้ ยกมือไหว้อนุโมทนา สาธุ เลยครับ

เพราะอะไร เพราะตำรวจนี่คือต้นทางของความยุติธรรมของประเทศ เป็นะผู้รักษากฎหมายทุกฉบับ 

ถ้าตำรวจไม่ต้องทุกนายดอกครับ เป็นผู้มีเกียรติ เป็นตำรวจที่ดี ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยงตรง เป็นธรรม สังคมไทยจะไปไกลกว่านี้ จะมาร้องขอต่อรัฐบาลให้ขึ้นเงินเดือนมาจากปัจจุบันอีก 20-30% ให้เท่ากับอัยการ ให้เท่ากับศาล ก็เอาเลยครับ ประชาชนสนับสนุน แต่ต้องไม่มีการหากินตบทรัพย์ยัดข้อหา เอาหูไปนาเอาตาไปไร่จนเกิดช่องว่าง ในการบังคับใช้กฎหมายระหว่างคนมีเงินกับผู้ไม่มีเงินกันแบบปัจจุบันทั่วทุกหัวระแหง

เรามาเชียร์ให้ผบ.ตร.คนนี้ ทำงานใหญ่ให้สัมฤทธิ์ผลกันมั๊ยครับ!