>> สัปดาห์ที่ผ่านมา ช่วงที่ดัชนีหุ้นร่วงแรงๆ มีนักลงทุนเสียโอกาสก็มาก...หมดตัวกันไปแล้วหลายราย...ปัญหาคือ ไม่สามารถส่งคำสั่ง ซื้อ-ขาย ผ่าน Streamingได้ นักลงทุนที่ต้องการขายหุ้นเพื่อตัดการขาดทุน บ้างรายก็ถูกถีบออกจากระบบโดยไม่รู้ตัว ในทางกลับกัน...จังหวะที่ “เข้าด้ายเข้าเข็ม” ตลาดหุ้นร่วงแรง นักลงทุนที่จะเข้าไปช้อนซื้อเพื่อหวังเก็งกำไร ก็ต้องมาเสียโอกาสไปง่าย ๆ เพราะเข้าแอปฯ ไม่ได้ ทั้งที่สามารถจับจังหวะได้แล้วแท้ ๆ เสียทั้งโอกาสและเสียทั้งเวลา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แอพพลิเคชั่น Streaming สร้างปัญหาให้กับนักลงทุน...ก่อนหน้านี้ก็มีปัญหามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ OR หรือ TIDLOR เข้าตลาด หรือก่อนหน้านี้ก็เป็นช่วงที่หุ้นตกหนักๆ จากปัญหาการระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งแอพ Streaming ได้สร้างปัญหาให้กับนักลงทุนมาแล้วหลายครั้ง
ทั้งที่เป็นแอพที่นักลงทุนนิยมมากที่สุด...ทำไมแอพพลิเคชั่นที่ใช้ในการซื้อขายหุ้นออนไลน์อย่าง Streaming ซึ่งมี บริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด เป็นเจ้าของจึงไม่พัฒนา หรือไม่รับผิดชอบต่อนักลงทุนให้มากกว่านี้
อย่าคิดว่า บริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด จะเป็นคนอื่นคนไกล...บริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม ถือว่าเป็นบริษัทลูกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ ก.ล.ต. ก็อยู่ในสังกัดกระทรวงการคลัง ซึ่งหมายความว่าการที่นักลงทุนไทยหลายคนต้องหมดเนื้อหมดตัว...และเสียโอกาสไปนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากหน่วยงานภายใต้สังกัดของรัฐ ที่ไม่ลงมาดูดำดูดีนักลงทุนรายย่อยในประเทศนั่นเอง
และที่เจ๊เมาธ์อยากจะถามดัง ๆ ก็คือ คำพูดที่บอกว่า จะปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุนรายย่อยหายไปไหน หรือที่พ่นออกมาเป็นแค่ลมปากที่ทำให้ตัวเองดูดี..และเชื่อถือไม่ได้พียงเท่านั้นกันค่ะ
>> ช่วงนี้กระแสการเข้าไปลงทุนใน Digital Asset เช่น การลงทุนในเหรียญดิจิทัล (Cryptocurrency) กำลังมาแรง ก่อนหน้านี้ก็มี BROOK ที่เปิดตัวว่าจะเข้าไปเล่นในตลาดนี้จนทำให้ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นมากว่า 100% ในเวลาแค่ไม่กี่วัน ล่าสุดก็มี SIRI ที่แจ้งตลาดฯ ว่าทุ่ม 2 พันล้านบาท ลงทุน “เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล” กลุ่มธุรกิจการเงินและหลักทรัพย์ผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจร Digital Financial Service ในสัดส่วน 15% ต่อยอดธุรกิจทำโทเคนฯ ซื้ออสังหาริมทรัพย์ จนทำให้ราคาหุ้นของ SIRI เองก็แรงตามไปด้วย
เจ๊เมาธ์ ขอยํ้าอีกทีว่า เรื่องของตลาดเหรียญดิจิทัล (Cryptocurrency) จะดีหรือมีอนาคตแค่ไหน เจ๊ไม่มีความเห็น แต่ที่แน่ ๆ ที่เจ๊เห็นคือ ในช่วงเพียง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาบรรดาเหรียญดิจิทัลทั้งหลายในตลาดคริปโตฯ ต่างก็ร่วงลงมามากกว่า 15% ด้วยปัญหาที่มาจาก “อีลอน มัสก์” (Elon Musk) ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Tesla บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่เพียงคนเดียวเท่านั้น
ดังนั้นเจ๊จึงอยากเตือนให้นักลงทุนที่สนใจเรื่องของตลาดเหรียญดิจิทัล (Cryptocurrency) ต้องพิจารณากันให้ดี ๆ เพราะที่ผ่านมาก็น่าจะรู้แล้วว่าตลาดเหรียญดิจิทัลอ่อนไหวมากแค่ไหน ไม่ใช่ว่า จะตามกระแสอย่างเดียวเท่านั้นนะคะ...ต้องศึกษาด้วยค่ะ
>> หลังจากราคาหุ้น TIDLOR ลงไปแตะจุดตํ่าสุดที่ราคา 38.50 บาท ถูกดันกลับขึ้นมายืนที่เหนือราคาหุ้น 40 บาท ขึ้นมาทันที สอดคล้องกับมุมมองของนักวิเคราะห์ จากหลายสำนักที่ให้ราคาเป้าหมายเอาไว้ที่ 43-49 บาท
ในส่วนของเจ๊เมาธ์เอง...เจ๊มองว่า ราคาหุ้นของ TIDLOR อย่างมากที่สุดในจังหวะนี้ ไม่น่าจะเกินกว่า 44-45 บาท เท่านั้นเองค่ะ โดยเกณฑ์ที่ใช้พิจารณาเรื่องแรกคือ การแข่งขันที่ดุเดือดของกลุ่มบริษัท Non-Bank ทั้งหลายที่แข่งกันลดดอกเบี้ย ซึ่งถึงแม้ว่า TIDLOR จะมีธนาคารหนุนหลังก็ยังมีผลกระทบอยู่ดี และอีกเรื่องก็เป็นเรื่องของผลการดำเนินงานทางธุรกิจ ที่จนถึงตอนนี้ TIDLOR ไม่ได้โดดเด่นกว่าคู่แข่งรายอื่นอย่างที่คุยเอาไว้ ดังนั้นถ้าใครชอบหุ้นตัวนี้ เจ๊เมาธ์แนะนำว่า ควรจะมีหุ้นตัวอื่นเข้ามาถัว..และถ่วงนํ้าหนักเอาไว้ด้วยนะคะ อย่าไปรักหุ้นแค่ตัวเดียว...รักเงินในกระเป๋าเราดีกว่าค่ะ
>> เจ๊เมาธ์ ยังไม่ปักใจเชื่อค่ะว่า เกมส์ราคาหุ้น BWG จะจบเห่ลง ตรงที่ “กัลฟ์” ออกมาปฏิเสธ ไม่ร่วมสังฆกรรมใด ๆ กับ BWG ... เท่าที่เจ๊รู้ ขยะอุตสาหกรรมของ BWG เห็นกองๆ มีมูลค่ามหาศาล ป้อนโรงไฟฟ้าขยะฯ ทำเงินได้หลายสิบเมกะวัตต์ เชื้อเพลิง หรือ RDF ประเภทนี้ คุณภาพดีกว่า ความชื้นตํ่า กว่าขยะตามบ้าน ที่มีความชื้นสูง
ลองนึกภาพตามเจ๊นะ ขยะตามบ้านที่เราทิ้งๆ กัน ไม่ได้แยก มีอะไรก็ทิ้งใส่รวมกันไปถึงขยะใบเดียวกัน รถขยะมาเก็บที นํ้าไหลเป็นทางตามพื้นถนน ซึ่งขยะบ้านเรา ไม่เหมือนต่างประเทศ ที่มีถังแยกชนิดขยะ นั่นแหละเจ๊ถึงบอกว่า RDF ของขยะอุตสาหกรรม คุณภาพดีกว่า ที่ใครจะทำโรงไฟฟ้าจากขยะ ไม่ใช่ง่ายๆ แต่ถ้าคิดทำ ต้องคิดถึง BWG ค่ะ ฉะนั้น เกม BWG ยังไม่จบนะค่ะ ข่าว “กัลฟ์” ปฏิเสธ ราคา แค่พักตัวของราคาหุ้นค่ะ
>> กลุ่มหุ้นรับเหมาอย่าง ITD CK STEC และ UNIQ มีผลจากผลการดำเนินงานที่แตกต่างกันไป โดยทาง ITD ในไตรมาสที่ 1/64 มีกำไร 247.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 174.76% จากที่เคยขาดทุน 330.68 ล้านบาท ขณะที่ทาง CK ไตรมาส 1/64 กำไร 207.67 ล้านบาท จากที่เคยขาดทุน 113.58 ล้านบาท
CK มีกำไรจากธุรกิจรับเหมาลดลง แต่มีรายได้พิเศษจากดอกเบี้ยรับหนี้ค่าก่อสร้างทางพิเศษ บางพลี-สุขสวัสดิ์ ในขณะที่กำไรของ ITD เป็นกำไรที่มาจากงานรับเหมาก่อสร้างหลังจากโครงการขนาดใหญ่ในประเทศหลายโครงการเดินหน้า
ส่วนทาง STEC กำไรลดลงเล็กน้อย ขณะที่ UNIQ เป็นบริษัทที่กำไรลดลงหนักสุด เพราะราคาวัสดุก่อสร้างพุ่งขึ้น และผลกระทบด้านแรงงาน รวมถึงการณ์แข่งขันด้านราคาสูงขึ้น ดังนั้นใครที่มองไปที่หุ้นในกลุ่มนี้ก็คงต้องระวังกันเอาไว้บ้างนะคะ เล่นสั้น ๆ เก็งกำไรน่าจะพอได้...แต่ถ้าจะถือยาว เจ๊เมาธ์คิดว่า ยังไม่น่าไว้วางใจเจ้าค่ะ
>> เถ้าแก่น้อย ( TKN ) กำไรตํ่าเตี้ยเรี่ยพื้น ต่อเนื่อง 4 ปีย้อนหลัง ( 2560-2563) ... จากกำไรสุดโต่ง 608 ล้านบาท ในปี 2560, ร่วงมาเหลือ 459 ล้านบาท ในปี 2561, 366 ล้านบาท และ 242 ในปี 2562 และ 2563 ตามลำดับ...เจ๊เมาธ์ ไม่แปลกใจจริงๆ ที่ “เสี่ยต๊อบ-อิทธิพัทธ์” จะหนีเอาตัวรอด ขายหุ้นบิ๊กล็อตออกมาหลายระลอก และกำไรที่สาละวันเตี้ยลง ๆ ก็ไม่แปลกใจอีกที่ราคาหุ้น หลุด 10 บาท ลงมาทุกวันนี้ เหลือ 7.50 บาท ...สงสารก็แต่รายย่อยแหละค่ะ เห็นราคาตํ่าแบบนี้ ต้อง Play Safe นะค่ะ