ในขณะที่การต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ยังคงดำเนินไป ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมของผู้ซื้อได้เริ่มทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี่มีการเปลี่ยนรูปแบบใหม่
ความสำคัญของการรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยและความต้องการพื้นที่ทำงานนอกออฟฟิศที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นที่อาศัยในเมืองใหญ่เริ่มใช้ชีวิตอยู่ระหว่างสองที่ นั่นคือบ้าน และ“ที่อื่น” ซึ่งรวมไปถึงการพักร้อนแบบพักระยะยาว (long stay) หรือบ้านหลังที่สอง
แนวโน้มการซื้อบ้านหลังที่สองเป็นปัจจัยสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ ผลการสำรวจผู้ซื้อทั่วโลกโดยไนท์ แฟรงค์ (Knight Frank’s Global Buyer Survey) ที่จัดทำขึ้นในเดือนมิถุนายน 2563 ใน 44 ประเทศทั่วโลก พบว่าผู้ตอบแบบสอบถาม 26 เปอร์เซ็นต์ มีแนวโน้มที่จะซื้อบ้านหลังที่สองเพราะผลกระทบจากการระบาดของโรคในครั้งนี้
การระบาดยังทำให้ผู้ซื้อหันมาใส่ใจความสำคัญของธรรมชาติและพื้นที่ สุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดี และการใช้เวลาร่วมกับครอบครัวอย่างมีคุณภาพมากขึ้น
ในเอเชีย เรายังมองเห็นการซื้ออสังหาริม ทรัพย์ในกลุ่มลักซ์ชัวรี่ว่าเป็นไปในแนวทางการซื้อสำหรับหลายเจเนอเรชั่น คือเป็นการลงทุนร่วมกันเพื่อซื้อที่พักอาศัยสำหรับคนรุ่นปู่ย่าตายาย พ่อแม่ และลูกๆ รวมไปถึงความนิยมบ้านเดี่ยวสำหรับครอบครัวที่มีบริเวณ มีพื้นที่กลางแจ้งกว้างขวาง มีความเป็นส่วนตัว และพื้นที่พักผ่อนที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับความต้องการของครอครัวขนาดใหญ่ หรือครอบครัวที่กำลังขยายได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เรามองว่าน่าตื่นเต้นมากที่สุดคือความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการ
ด้วยข้อจำกัดในการเดินทางข้ามประเทศทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ หันมาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ หลายคนใช้โอกาสนี้เปิดประสบการณ์กับจุดหมายปลายทางที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก และยังมีนักท่องเที่ยวน้อย เรายังเห็นถึงการเปลี่ยนจากการท่องเที่ยวแบบทั่ว ๆ ไป ไปสู่การท่องเที่ยวแบบ “บูทีค” มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่มองหาประสบการณ์พิเศษที่ตอบโจทย์เฉพาะตัวในแบบที่เขาเหล่านั้นปรารถนาจากการเดินทางท่องเที่ยว
ความสำคัญของแบรนด์
เมื่อระยะเวลาแห่งโรคระบาดสิ้นสุดลง จะเป็นโอกาสของที่พักอาศัยภายใต้แบรนด์ที่น่าเชื่อถือ นั่นก็คือโครงการที่บริหารจัดการโดยแบรนด์ธุรกิจด้านการบริการ ผ่านรีสอร์ตหรือโรงแรมที่อยู่ติดกัน–เพื่อกำหนดจุดขายโครงการให้เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ควรค่าแก่การซื้อเพื่อเป็นการลงทุนที่พักอาศัยภายใต้แบรนด์กำลังเติบโตทั่วโลกโดยเฉพาะในภูมิภาคนี้
รายงานเมื่อเดือนมีนาคม 2563 โดยซีไนน์ โฮเทลเวิร์คส์ (C9 Hotelworks) กล่าวว่าที่พักอาศัยภายใต้แบรนด์นั้น หนึ่งในสามของโลกตั้งอยู่ในเอเชีย โดยมีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย เวียดนามและฟิลิปปินส์ ตามลำดับ
สิ่งที่แบรนด์ที่พักอาศัยนำเสนอให้กับผู้ซื้อ คือพันธสัญญาหลักของแบรนด์ด้านการบริการระดับโลก ข้อได้เปรียบของผู้พัฒนาและผู้บริหารจัดการคือการนำความรู้ความชำนาญมารวมกัน ซึ่งจะช่วยให้โครงการสามารถให้ความมั่นใจในด้านคุณภาพและมาตรฐานการบริการ ที่รวมไปถึงความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัย ช่วยให้ผู้ซื้อวางใจและสบายใจได้แม้ในท่ามกลางสถานการณ์การระบาดใหญ่ทั่วโลกในปัจจุบัน
จากมุมมองด้านอสังหาริมทรัพย์ โมเดลที่พักอาศัยภายใต้แบรนด์เปิดโอกาสให้นักลงทุนสร้างผลตอบแทนทั้งในระยะยาวและระยะสั้น กับความสะดวกสบายจากโรงแรมหรือรีสอร์ตที่เข้ามาเสริมให้กับบริการสำหรับผู้พักอาศัย ผู้ซื้อยังได้ประโยชน์จากการเป็นเจ้าของที่พักอาศัยที่สะดวกสบายไม่ยุ่งยาก และมีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนจากโปรแกรมปล่อยเช่าโดยการบริหารของโรงแรมหรือรีสอร์ต
ในระยะยาว ผู้ซื้อยังจะได้รับประโยชน์จากราคาเพิ่มขึ้นเมื่อขายต่อ รายงานที่พักอาศัยภายใต้แบรนด์ 2562 (Branded Residences Report) โดยซาวิลส์ (Savills) ประเมินว่าค่าพรีเมียมของที่พักอาศัยภายใต้แบรนด์สูงกว่าโครงการที่ไม่อยู่ภายใต้แบรนด์เริ่มต้นที่ 35 เปอร์เซ็นต์ และจะสูงขึ้นถึง 70 เปอร์เซ็นต์ในจุดหมายปลายทางที่กำลังเป็นที่นิยม ที่ผู้ซื้อจะได้ประโยชน์จากการเป็นผู้ลงทุนเป็นรายแรก
แนวโน้มและความต้องการที่พักอาศัยภายใต้แบรนด์ลักซ์ชัวรี่จะมีแต่เพิ่มขึ้นในอนาคต ส่วนใหญ่เพราะตลาดชั้นกลางและชนชั้นกลางระดับสูงที่กำลังขยายตัวในเอเชีย การเติบโตอย่างรวดเร็วนี้เกี่ยวเนื่องกับภาคธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการอย่างมาก คาดว่าที่พักอาศัยภายใต้แบรนด์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น จะช่วยผลักดันการท่องเที่ยวในจุดหมายปลายทางที่กำลังเป็นที่นิยมใหม่ ๆ การเพิ่มที่พักอาศัยภายใต้แบรนด์ในสถานที่เหล่านั้นจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจทั้งในแง่การลงทุนและการท่องเที่ยว อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเนื่องจากมีการพัฒนาสถานที่นั้น ๆ อีกด้วย
ขณะที่ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีจำนวนโรงแรม รีสอร์ต เรสซิเดนส์กว่า 500 แห่งทั่วโลก 40 แห่งอยู่ภายใต้แบรนด์อนันตรา ได้นำประสบการณ์อันช่ำชองในด้านการบริหารโรงแรมมาเป็นข้อได้เปรียบในการจัดการโครงการที่พักอาศัยของ มองหาจุดหมายปลายทางใหม่ๆ ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีที่เหมาะกับโครงการและลงทุนใรพื้นที่ตั้งเหล่านี้ในฐานะผู้บุกเบิกร่วมกับหุ้นส่วนทางธุรกิจในท้องถิ่นที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน
ไม่ว่าสถานการณ์ปัจจุบันจะเต็มไปด้วยความท้าทายเพียงใด เชื่อมั่นว่าจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นหลังสิ้นสุดการระบาดครั้งนี้ การรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มของตลาดในวงการอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่จะนำพาไปสู่โอกาสใหม่ๆ
บทความ
โดย : ไมคา ตามไท
รองประธานกรรมการฝ่ายอสังหาริมทรัพย์ บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,685 วันที่ 6 - 9 มิถุนายน พ.ศ. 2564
ข่าวเกี่ยวข้อง: