มดในถ้วยหวาน

06 มิ.ย. 2564 | 02:05 น.

คนจีนคนไทยยามจะกินข้าวกันแล้วไซร้ต้องล้อมวง 

 

ใครมั่งมีก็ล้อมนั่งโต๊ะ ใครไม่มีก็ล้อมนั่งพื้น เปนสายใยสายสัมพันธ์ในระบบสังคมเชื่อมโยงกันดังนี้มาแต่สมัยเก่าแก่โบราณกาล ตามพื้นเมืองเขาว่า “สู่กันกิน”-แบ่งปันสำรับภัตตะอาหารเข้าปากเลี้ยงท้องเลี้ยงใจ

ปี 2563 ต่อ 2564 นี้เปนปีแห่งความว่างเปล่า ด้วยว่าเปิดศักราชมาก็มีแต่ปัญหา โดยเฉพาะปัญหา โรคาพยาธิอันมาแต่ละอองอากาศล่องลอย พรากคนให้ห่างกันแล้วไม่เท่าไร่ ยังปัญหาความฝืดเคืองเศรษฐกิจผลักไสให้กิจการค้าขายต้องอยู่นิ่งงัน ชะงักตรึงอยู่ราวต้องคำสาป รอสายลมแห่งความโรยราพัดโบกมาปลิดใบเหี่ยวขิวให้ปลิวหลุดละล่องไป

ท่ามกลางความเงียบงันแห่งโลกย์ยามนี้นั้น ใจที่ยังห่วงหาก็ยังพาสองขาให้ก้าวไป ก้าวไปยังถิ่นสถานอันคุ้นเคย ที่ซึ่งอวลไอแห่งไมตรีจิตและมิตรภาพนั้นยังเรืองรองอยู่ ที่ซึ่งวันชื่นคืนสุขเคยได้ประดิษฐานประทับไว้ในความทรงจำอันตราตรึง ระยะทาง 1,000 กิโลเมตร เลาะชายฝั่งอ่าวไทยถึงปลายด้ามขวาน มิใช่อุปสรรคเกินจักฝ่าฟัน ยามเมื่อถนนบนอากาศเขาปิดการจราจรห้ามเดินหนเสียแล้วไซร้ รถช้างยางม้ายังมี ขับเคลื่อนซ้อนขี่ไปจนได้ จากบางสะพาน ไปสวี ไชยาปากพนัง สงขลา ไม่นานก็

ลุเข้าถึงเมืองหาดใหญ่ ชายขอบขัณฑสีมา ว่าแล้วจึงประจงหมุนโทรศัพท์_dial_ไปบอกร้าน “เจงง้วน” ภัตตาคารอาหารรสละมุนเก่าแก่ ณ ที่แห่งนั้น สุภาพสตรีชราปลายสายส่งสำเนียงสั่นเทาอันเจือด้วยความลิงโลดใจมาตามสาย เมื่อทราบว่ามิตรเก่าชาวโภชนาจากเมืองกรุงหมายใจมาเยือนเพื่อจักพามิตรใหม่ได้มาชิมสำรับโอชาอย่างว่า “ฝีมือสำคัญ” ก่อนถึงวันลับเลือนหาย ท่านว่าเดี๋ยวนี้ปิดเร็วขึ้นหนึ่งชั่วโมง ด้วยเศรษฐกิจตกต่ำ ไม่มีลูกค้า และว่าโต๊ะไม่ต้องจอง ด้วยเศรษฐกิจตกต่ำ ไม่มีลูกค้า อีกเช่นกัน

ณ ภัตตาคารสามคูหาสี่แยกกลางเมืองนั้น ในความคร่ำคร่ายังคงมีตู้กระจกเย็นเยียบเเช่อาหารสดไว้รอคอยผู้มาเสพโภชนาตามประสาอารมณ์รื่น ข้างในมีปลากระบอกเย็นลอกหนังเปนปลากระบอกทะเลสาบสงขลาตัวเต่งเนื้อมัน แม้ไม่ใหญ่เท่าแบบนำเข้าแต่ความสดเต่งนั้นโอชา ให้รสผิดกัน ปูม้ากรรเชียงไข่นั้นไม่มีแล้ว ด้วยว่าของมีราคาเวลานี้ขายไม่ออก เศรษฐกิจตกสะเก็ดไม่มีผู้นำพา คงมีแต่ปลากระพงชิ้นหนาๆหั่นมาจากท้องปลาตัวใหญ่ และจาระเม็ดเต๋าเต้ยครีบเทา_ปลาเนยจากทะเลน้ำลึกตัวโตๆ ซึ่งท่านผู้เจ้าของว่า ถ้าไม่มีแขกมา_ก็จะเอาไว้รอท่าทำกินเอง นอกนั้นมีประดาผักสดผักหัว เเช่เย็นเอาสดไว้ ของห่ออย่างปอเปี้ยะทำสด ฮ่อยจ๊อแฮ่กึ๊นและ หอยอีรมตัวเต่งดองน้ำแข็ง

เข้าโต๊ะกลมแล้ว ท่านจึงลำเลียงเครื่องดื่มมาแจกกิน “สู่กัน” ก่อน ประกอบด้วยนมถั่วเหลืองทำเองกรอกขวดแก้วเฮลล์บลูบอย รสชาติหวานอ่อนแต่เข้มลึกไม่มันไขเคลือบปาก น้ำส้มแทงเจอรีนนำเข้าชำระอากรคั้นสดกรอกขวด น้ำเปล่าอย่างกรองไม่รีเวอร์สออสโมสิสให้เสียรสน้ำ ตามด้วยเมรัยองุ่นขาวแดงตามแต่เราหิ้วไป ครานี้ได้องุ่นเมอร์โลแดงตราพุทธบาทจากเมืองแคลิฟอร์เนีย และจุมพิตทะเลหอมรุ่มรวยนามว่า เฌอนิน บล็องก์

มดในถ้วยหวาน

 

มดในถ้วยหวาน มดในถ้วยหวาน

 

จานแรกที่ลงนั้นเปนเต้าหู้ทอด เต้าหู้เนื้ออ่อนทว่าทอดกรอบนอกอย่างเต้าหู้เนื้อแข็ง ถั่วเหลืองบดทำนั้นสดใหม่ให้รสชาติคมคายนุ่มละมุนภายในอย่างหาที่ไหนกินได้ยากแท้ ผู้ปรุงละลายเกลือทะเลลงในน้ำแช่ใบกุยช่ายเขียวหั่น เปนเครื่องจิ้มรสสุภาพที่ไม่ทำลายโอชะแห่งวัตถุดิบอันนุ่มนวล เราเปิดเบียร์ไทยสีทองแร กำกับบทเพลงลำนำแห่งพืชถั่วธัญญาซึ่งมีสีเหลืองผ่องดังนั้นฯ

ต่อมาจึงขอว่าหมูเฉยๆเอาไปทอด ปอเปี้ยะห่อแช่เย็นไว้ไส้หน่อไม้เอาไปทอด ยอดฝีมือก็จัดการเเก่ไฟและน้ำมันลอยจบผลลัพธ์ออกมาเลอเลิศปรีดา เราว่าการเมรัยองุ่นขาว แหม่_เข้ากับฉุนหน่อไม้เปนปี่เปนขลุ่ย เพลงเครื่องเป่าดังนี้มันช่างไพเราะโสตประสาทฆานะ_olfactory จริงแท้

ฉากต่อไปจึงว่า ปลากระบอกสงขลา ซึ่งท่านนึ่งแล้วลอกหนังออกเอาไปทอด ตัวเนื้อและยวงไข่นึ่งผึ่งไอเย็นมานั้นนุ่มนวลและเนียนลิ้นกับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวยำพริกสับนิดมะนาวหน่อย  เราพร้อมใจกันไม่ขอให้เครื่องดื่มใดมารบกวนการว่ายแหวกของพวกมันในโพรงปาก ณ นาฑีนั้น จาระเม็ดครีบเทานั้นปรึกษาแล้ว ท่านว่าควรแก่การทำน้ำแกงจืดรสปะแล่ม หั่นเนื้อปลาหนั่นให้เข้าทีแล้วจึงต้มไฟคุบนเตาถ่านปรุงเกลือให้รสเค็มละเอียด ลอยผลท้อดองเอาเปรี้ยวคม และลอยผลมะเขือเทศท้อเอาเปรี้ยวชื่น เปนความใสแหนวที่เต็มเปี่ยมในเนื้อปลามันออกรสออกชาติ

 

มดในถ้วยหวาน

มดในถ้วยหวาน

เราปรารถนาจักมิให้เครื่องดื่มใดมารบกวนการว่ายแหวกของพวกมันในโพรงปาก ณ นาฑีนั้นเช่นกัน แต่เมรัยรอยพุทธบาทเมอร์โล ยังคงประจันหน้าตั้งคำถามถึงการหอบหิ้วผ่านกิโลเมตรที่พันและการมีอยู่บนโต๊ะอาหารล้อมวงแห่งมันนั้น ; เราจึงตอบคำถามแห่งมันด้วยกำซาบ

ณ ราตรีหนึ่งซึ่งหอยอีรมยังนอนซมเซา เราขอให้ไข่สดและยวงแป้งแห่งชายฝั่งทำหน้าที่ประสานรสนวลนมแห่งท้องทะเล ท่านผู้ปรุงควงตะหลิวสองสามทีก็จัดหอยอีรมออส่วนนอนเปลมาบำเรอ เธอทั้งนั้นเผยผิวหน้าสีสันพรางไว้ด้วยกลิ่นรื่นรมย์แห่งผักชีใบบางหวานต้นหอมสับ _ spring onionท่านผู้รู้ใจหยิบส่งให้แต่เพียงพริกไทยขาวป่นละเอียด และพริกเหลืองดองน้ำส้ม อุปกรณ์สำราญสุขกับธิดามหาสมุทรจานนี้ ของเขาสดแลดีขนาดนั้นอย่าให้รสกระเทียมฉุนมันในซอสพริกออกทำงานเลย _จะเสียศรี

จานนี้เราเบิกเอาเมรัยขวดใหม่ซ่อนไว้ในรถอย่างมุสกาโต้องุ่นเขียวกลิ่นหอมชะมัดทั้งยวงองุ่นผิวส้มแลลูกพีชออกมาแช่น้ำแข็งถังพราวเหงื่อ รับประทานด้วยปวงมันเปนอันสมรสสมชาติจุมพิตจากทะเลพระสมุทรเทวา

เครื่องยนต์ติดดีแล้วจึงว่ากุ้งสดๆชีแฮ้นั่น ขอได้โปรดผัดพริกกับสะตอ เราจักสู่กินกันด้วยเมรัยแดงแห่งโลหิตพระเปนเจ้า ท่านผู้เปี่ยมฝีมือจึงประจงคัดเอากะปิดีโดนไฟ ผัดลงกับสะตออ่อนคัดเมล็ดใส่พริกขี้หนูสดและหอมหัวใหญ่ฝานเสริมด้วยเนื้อหมูแล่แผ่นบางๆ

รสชาติฝีมือนั้นประหัตประหารพวกเยาวชนยุคใหม่ไร้การฝึกฝนได้ราบคาบสิ้น จำจะต้องเรียกหาข้าวหุงมาซับน้ำมันพริกผัดนั้นให้คลายกระหาย ก่อนล้างคอเสียด้วยน้ำองุ่นรสลื่นฝาดมันขวดนั้น แกล้มด้วยหมูทอดเฉยๆ ที่ทั้งนุ่มทั้งกรอบ ทั้งหอมและเค็มจางๆ เพื่อให้จบบริบูรณ์เหมือนตั้งหม้อต้มข้าวเดือดแล้วจึงราไฟ เราเดินไปเรียกหาผัดจืดมาปิดท้าย ท่านประจงหั่นปลากระพงเนื้อหนั่นนั้นเปนชิ้นหนาๆ ทอดน้ำมันพอผิวกรอบแล้วจึงผัดเข้าด้วยต้นกระเทียมอ่อนๆหั่นแฉลบแฉลว เสริมกลิ่นด้วยขึ้นช่ายและซีอิ้วดำเค็มท้องถิ่นเสริมรส 

 

มดในถ้วยหวาน

มดในถ้วยหวาน มดในถ้วยหวาน

ความผิดหวังในการณ์นี้หามีไม่เลย ในสายตาแห่งความซาบซึ้งนั้นเปนไปโดยทั้งสามฝ่าย ผู้ปรุงมิตรเก่า ผู้กินมิตรเก่แลผู้กินมิตรใหม่ ซึ่งจำจะต้องซาบซึ้งใจแน่เพราะไม่แน่ว่าจะมีโอกาสกลับมาพร้อมหน้าในบรรยากาศหวลหาเช่นนี้อีกหรือไม่ หากว่าต่อไปความถดถอยในระบบเศรษฐกิจจะยังคงเดินหน้าทุบโถมไปไม่หยุดยั้ง

ฝ่ายหนึ่งฝืนปรุงต่อไม่ไหวด้วยวัยชรา อีกฝ่ายฝืนกินต่อไม่ไหวด้วยไร้สตางค์หยิบจับซื้อหา

เวลานั้นเราเรียกหาของหวานมาบำเรอปากแลล้างเค็มคาว อันเปนการชำระล้างชนิดว่าสุราเมระยะและน้ำเหลวชนิดอื่นหาทำได้เสมอเหมือน ด้วยความชั่งใจ, ท่านถาม, โดยหวั่นใจว่าจะไม่สั่งมากินด้วยราคาแพงระยับ นั้นคือรังนกทะเลใต้ ก็ดังได้กล่าวเเล้วไซร้ว่าไม่รู้อีกเมื่อไรจะได้มีโอกาสล้อมวงพร้อมหน้าโอชารสเช่นนี้อีก การณ์จึงเปนดังว่า ขอได้โปรดนำมาแจกจ่ายกันกินให้ถ้วนหน้าทุกตัวคนเทอญฯ

ท่านยิ้มด้วยดวงตาระยับอย่างทราบ และซึ้งใจ โดยเข้าใจในเจตนาทุกฝ่ายเปนอย่างดี ไม่ช้านานจึงยกสำรับรังนักนั้นออกตักแจกจ่าย ถ้วยของหวานลายครามนั้น มีลายมดอยู่ข้างใน เขียนเปนอักษรมงคล รูปตัวมดที่พื้นถ้วยข้างใน มีมดสี่ตัว มดแดงสองตัว มดดำสองตัว เททับด้วยเนื้อรังนกตุ๋นน้ำตาลกรวดอันสูงมูลค่า

ณ เวลานั้นน้ำตาเราไหลพราก.....มันมิได้ไหลออกตา แต่ทว่าไหลย้อนกลับเข้าไปในหัวใจ 

(ต่อตอน 2)

 

นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 หน้า 17 ฉบับที่ 3,685 วันที่ 6 - 9 มิถุนายน พ.ศ. 2564