ผมเคยโต้วาทีหัวข้อยอดนิยม “ใหม่ดีกว่าเก่า” ฝ่ายเสนอเชียร์ความใหม่อะไรเอาไว้บ้างผมลืมสิ้นแล้ว จำได้แต่มุกตัวเองที่เข้าข้างฝ่ายเก่าว่า “ท่านบอกว่า เก่าๆ ขึ้นสนิม ผมขอเรียนท่านว่า รถจักรยานใหม่ถอดด้ามเอามาจอดไว้กลางแจ้งไม่กี่วันก็สนิมจับ อย่าไปโทษว่าของมันขึ้นสนิมเพราะมันเก่า ของมันขึ้นสนิมเพราะว่าคนไม่รู้จักรักษา” (หน้าม้าปรบมือกันตรึม)
ก่อนที่จะพูดทับถมของเก่าควรจะทบทวนก่อนว่า ในตัวเรามีอะไรที่มันเก่าบ้าง ฟันท่านก็หลายปีดีดัก ถ้าไม่ชอบของเก่าก็เลาะฟันเก่าออกให้หมดแล้วทำฟันปลอมใส่แทน (ฮา) ถ้าท่านยังไม่เปลี่ยนใจจะอย่างไรก็ไม่ชอบของเก่า ท่านอย่าลืมว่าอายุโลกเราเก่าจัด ห้าพันล้านปี ถ้าชอบโลกใหม่ก็ย้ายไปอยู่ดาว Widow (แม่หม้าย) เพิ่งแยกตัวมาจากดาว Stepfather (พ่อเลี้ยง)” (ฮา)
พระเกจิที่ผมเอามาเล่า คือ หลวงปู่ตื้อ กรุณาอย่าต่อว่าท่าน ประเดี๋ยวจะบาป คราวหนึ่ง หลวงปู่ตื้อ ขึ้นเทศน์ได้ครู่เดียว มีพระภิกษุหนุ่มระดับมหาเปรียญจบการศึกษาแผนใหม่มานั่งฟังอยู่หลังสุด ไม่ว่าจะคุยซุบซิบอะไรกันคนนั่งแถวหน้าไม่มีทางได้ยินเด็ดขาด พระภิกษุหนุ่มคุยซุบซิบกับคนในกลุ่มนั้นว่า “หลวงปู่ตื้อนี่เทศน์โบราณมาก ไม่มีการพัฒนา มีแต่ของเก่าๆไม่ทันสมัย” หลวงปู่ตื้อ ที่กำลังเทศน์อยู่ก็หยุดเทศน์อย่างกระทันหัน
ท่านเดินมาหาแล้วพูดว่า “เอ้า! คุณเหลน คุณมหา หลวงตาจะคอยฟัง คุณเหลน คุณมหา ขึ้นเทศน์สักหน่อย ขอให้เทศน์เอาแต่ของใหม่ๆนะ”
พระหนุ่มเดินขึ้นธรรมาสน์ด้วยท่าทางมั่นใจ ขึ้นนั่งบนธรรมาสน์ พนมมือขึ้น พร้อมกับเริ่มเปล่งเสียง “นะโม...” หลวงปู่ตื้อพูดขัดเสียงดังว่า “เฮ้ย! หยุด… หยุด… คุณเหลน หยุด เลย ไม่เอา ไม่เอา นะโม นี่มันของเก่า มีมานานกว่าสองพันปีแล้วนะ คุณเหลน!” เราจะเก่งหรือไม่เก่งก็อย่าเปิดฉากเหยียบหัวใจใคร หลวงปู่ตื้อ ท่านเลยสอนซะหนึ่งดอก จะได้ระวังไว้ว่า อย่าเริ่มต้นพูดปาดหน้าใครก่อน
ผมไม่มีความเห็นใดต่อ วิลล์ สมิธ เพราะเขาสูญเสียไปเยอะแล้ว ผมมีความเห็นกับ คริส ร็อค เพราะว่าข่าวนี้คล้ายกับใบประกาศที่เครื่องบินรบโปรยลงมาให้คนทั่วไปรู้ว่า การขุดจุดอ่อนของผู้อื่น โดยเฉพาะ ผู้ป่วย หรือ ผู้เสียชีวิต มาล้อเล่น เป็นลีลาที่ “อย่าหาทำ” มันเป็นตลกร้ายที่สายฮาไม่สนใจใฝ่จำ รวมทั้ง คริส ร็อค
คนสุดจะโบราณท่านถึงได้สอนเอาไว้สุดจะลึกซึ้งว่า “ตีสนิทได้แต่อย่าตีเสมอ” ไม่ต้องดูอื่นไกล หันมาดูในบ้าน อยู่ห่างๆ ไหว้ อยู่ใกล้ถีบ! คุ้นกันจังก็ลามปามกันครึกครื้น เก็บสติไว้ในสต๊อคจึงลืมไปว่าใผเป็นใผ
Guru รุ่นเคี้ยวหมาก ท่านเคยชี้แนะผมโทษฐานที่เป็น นักพูดรุ่นเคี้ยวเอื้อง (ฮา) ก็หมอแนะนำให้ผมเคี้ยวอาหารคำละ 30 ครั้ง เหงือกจะแข็งแรง ช่วยรักษาอาการอารมณ์หงุดหงิด เครียด โมโหง่าย วิลล์ สมิธ คงจะเหมือนผม ตักใส่ปากแล้วกลืนเลย (ฮา) กลับมาคุยเรื่องของเราต่อ ผมจ้องเขม็ง เพ่งอ่าน มรดกตกทอด ที่ นักพูดกินดิบ มองข้าม เหล่า นักพูดกินดิบ หลายคนจึงมีพยาธิปะปนอยู่ในวาทกรรมเป็นนิจ
1. พูดเรื่องที่เขาชอบ ชอบเรื่องที่เขาพูด
เขาตีตั๋วเผื่อชวนเราไปดูหนังไทยเรื่อง ผีสามบาท เขานั่งดูจนจบแบบใจจดใจจ่อ ถ้าเขาหันมาถามเราว่า “หนังสนุกไหมล่ะ” เราควรเลือกปมเด่นมาคุยว่า “ตื่นตาตื่นใจเลยครับ พล็อตเรื่องแปลกดี” อย่าเผลอทะลึ่งแซวปมด้อยว่า “สมกับชื่อเรื่องเลย ผีสามบาท ตกใจแค่ 3 บาท อีก 97 บาท เส้นประสาทปกติ” (ฮา)
2. พูดเรื่องที่เขารู้ รู้เรื่องที่เขาพูด
เขาเล็คเชอร์ให้ฟังว่า “คนมักจะเคี้ยวอาหาร คำละ 15 ครั้ง อาหารที่มีกากใยควรจะเคี้ยว 60 ครั้ง ไม่งั้นจะท้องผูกเพราะย่อยยาก เคี้ยว 80 ครั้ง ช่วยให้ประสาทสัมผัสไวขึ้น มีความจำดีขึ้น” เราแกล้งโง่ด้วยการถามว่า “เคยมีคนบอกว่า ถ้าเราเคี้ยว คำละ 200 ครั้ง จะหายจากโรคกระเพาะเรื้อรัง จริงใช่ไหมครับ”
เขาจะยิ้มและพยักหน้าพูดต่ออีกว่า “ถ้าเคี้ยวคำละ 150 ครั้ง ระบบการทำงานกระเพาะและลำไส้ดีขึ้น” น่าทำคลิปนี้ ให้ควายแซวคนว่า “ข้าเคี้ยวแบบนี้มาตั้งนานแล้ว เพิ่งจะรู้เหรอ” (ฮา) ถ้าทำกันจริงผมขอแซวติ๊ด นึงว่า “พี่ควายมัวแต่ เคี้ยวเอื้อง ไม่คิดจะ เคี้ยวเอี้ยง มั่งรึ เขาเกาะหลังรอพี่มาเป็นศตวรรษแล้ว” (ฮา)
3. พูดเรื่องที่เขารู้สึก รู้สึกตามที่เขาพูด
ถ้าเขาเล่าว่า “ไอ้เผือกมันทำตัวสมชื่อ เผือกเรื่องผมหลายหนแล้ว ถ้าเผือกอีกทีจะซื้อเผือกเอามาขว้างหัวสั่งสอนมันซะหน่อย” ได้โปรดอย่าพูดเตือนว่า “ใจเย็นๆไว้!” คนขี้โมโหฟังแล้วจะรำคาญวลีนี้เข้าไส้เลย เราเออออสักหน่อยว่า “วันก่อนกำลังเข้าคิวตักอาหาร มีนักเผือกไปหยิบจานมาแจกคนละใบ จะเดินสบายๆ ต้องเดินกอดจานกันเมื่อยมือ” (ฮา) แถมนิดก็ได้ว่า “ว่าจะด่ามันนะ พอดีนึกทันว่าพวกมันเยอะ” (ฮา)
ในกรณีที่อ่านไม่ขาดว่าเขาคิดอะไรอยู่ก็ตอบไว้เชิงดีกว่าฟันธง ถ้าเขาถามว่า “จะเลือกใครเป็นผู้ว่า” ให้ยืมคำพูดของ Ted Robbin เอามาตอบว่า “ไก่งวงไม่เคยลงคะแนนให้ต้นคริสต์มาส!” (ฮา)