รัฐบาลทั่วโลกต้องตื่นตัว! "ไมโครซอฟต์" เตือนภัย "ไวรัสเรียกค่าไถ่"

15 พ.ค. 2560 | 01:52 น.
อัปเดตล่าสุด :15 พ.ค. 2560 | 08:52 น.
“ไมโครซอฟต์” ออกมาเตือนรัฐบาลทั่วโลกให้ระวังภัยได้แล้ว หลังเกิดการโจมตีทางไซเบอร์ต่อ 150 ประเทศ นับตั้งแต่วันศุกร์ (12 พ.ค.) ที่ผ่านมา

วันที่ 15 พ.ค. 60 -- “ไมโครซอฟต์” บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านคอมพิวเตอร์ของโลก ออกมาเตือนรัฐบาลทั่วโลกให้เริ่มระวังภัยได้แล้ว หลังเกิดการโจมตีทางไซเบอร์ต่อ 150 ประเทศ นับตั้งแต่วันศุกร์ (12 พ.ค.) ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ มีความวิตกกังวลกันว่า “แรนซั่มแวร์” หรือ “ไวรัสเรียกค่าไถ่” จะถูกใช้โจมตีทางไซเบอร์อีกครั้งเมื่อผู้คนกลับมาทำงานกันในวันจันทร์ โดยทางไมโครซอฟต์ได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงวิธีการเก็ยข้อมูลอย่างไม่ปลอดภัยของรัฐบาลหลาย ๆ ประเทศ

นอกจากนี้ ไมโครซอฟต์ ยังระบุว่า ได้ปล่อยตัวซอฟต์แวร์อัปเดตด้านความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการวินโดวส์ไปเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา เพื่อรับมือกับการโจมตีทางไซเบอร์เช่นนี้ แต่ก็มีผู้ใช้หลาย ๆ คน ที่ยังไม่ทำการอัปเดตซอฟต์แวร์

พร้อมกันนี้ ไมโครซอฟต์ เตือนอีกว่า อาชญากรรมทางไซเบอร์เริ่มซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ และผู้ใช้คอมพิวเตอร์จะไม่สามารถป้องกันตัวเองจากภัยร้ายนี้ได้เลย หากไม่ค่อยหมั่นอัปเดตระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์

ด้าน ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า แม้ในช่วงสุดสัปดาห์การแพร่กระจายของไวรัสจะลดน้อยลง แต่อาจเพียงชั่วคราวเท่านั้น และตอนนี้มีคอมพิวเตอร์มากกว่า 200,000 เครื่อง ที่ได้รับผลกระทบแล้ว ในขณะที่หลาย ๆ บริษัทก็ให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านคอมพิวเตอร์ทำงานอย่างหนักในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อป้องกันไวรัส

“ไวรัสเรียกค่าไถ่” เป็นมัลแวร์ชนิดหนึ่งที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลผู้ใช้งาน แต่จะเข้ารหัสหรือล็อกไฟล์ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เอกสาร, รูปภาพ, วิดีโอ และผู้ใช้งานจะไม่สามารถเปิดไฟล์ใด ๆ ได้เลย หากไฟล์เหล่านั้นถูกเข้ารหัส ซึ่งการถูกเข้ารหัสก็หมายความว่า จะต้องใช้คีย์ในการปลดล็อกเพื่อกู้ข้อมูลคืนมา ดังนั้น ผู้ใช้งานจะต้องทำการจ่ายเงินตามข้อความ “เรียกค่าไถ่” ที่ปรากฎ