'เอไอ-ควอนตัม' เปลี่ยนชีวิต! เผย 5 นวัตกรรมพลิกโลก

04 เม.ย. 2561 | 04:16 น.
อัปเดตล่าสุด :04 เม.ย. 2561 | 11:16 น.
040461-1050

‘ไอบีเอ็ม’ เผย 5 นวัตกรรม ที่จะเปลี่ยนชีวิตคนในอีก 5 ปีข้างหน้า ย้ำ! บทบาทเทคโนโลยีที่เป็นแรงขับเคลื่อนหลักปฏิรูปโฉมหน้าอุตสาหกรรม และเปลี่ยนวิถีการทำงานในสาขาอาชีพอย่างชาญฉลาด

นางพรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ‘ไอบีเอ็ม’ เผยรายงาน “ไอบีเอ็ม ไฟว์ อิน ไฟว์” (#IBM5in5) ฉบับล่าสุด ที่แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมและความก้าวล้ำทางวิทยาศาสตร์ที่มีแนวโน้มจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตและการทำงานของคนในอีก 5 ปีข้างหน้า ในภาพรวมนวัตกรรมทั้ง 5 แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของเทคโนโลยีคอมพิวติ้งที่ก้าวล้ำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

 

[caption id="attachment_273783" align="aligncenter" width="383"] พรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด พรรณสิรี อมาตยกุล
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด[/caption]

“รายงานไอบีเอ็ม ไฟว์ อิน ไฟว์ ในปีนี้ ไม่ได้นำเสนอเพียงนวัตกรรมล้ำสมัยที่น่าจับตามองเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงบทบาทของเทคโนโลยีที่เป็นแรงขับเคลื่อนหลักในการปฏิรูปโฉมหน้าอุตสาหกรรม และเปลี่ยนวิถีการทำงานในสาขาอาชีพอย่างชาญฉลาด”

โดย 5 นวัตกรรม ที่จะเปลี่ยนชีวิตคนในอีก 5 ปีข้างหน้า ประกอบด้วย

1.Crypto-anchor และบล็อกเชนจะผสานรวมเข้าด้วยกัน เพื่อต่อกรกับผู้ที่ปลอมแปลง โดยภายใน 5 ปีข้างหน้า เทคโนโลยี Cryptographic Anchor เช่น หมึกพิมพ์แม่เหล็กที่ทานได้ หรือ คอมพิวเตอร์จิ๋วที่ขนาดเล็กกว่าเม็ดเกลือ จะฝังอยู่ในวัตถุและอุปกรณ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และถูกนำมาใช้ควบคู่กับเทคโนโลยีกระจายข้อมูล (Distributed Ledger) บนเครือข่ายบล็อกเชน เพื่อรองรับว่า วัตถุหรืออุปกรณ์จากต้นทางที่ไปถึงมือลูกค้าเป็นของแท้ เทคโนโลยีเหล่านี้จะปูทางไปสู่โซลูชันใหม่ ๆ เพื่อรับมือกับความปลอดภัยด้านอาหาร รับรองว่า ชิ้นส่วนอะไหล่ต่าง ๆ เป็นของแท้ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่มีการตัดแต่งพันธุกรรม ระบุสิ่งของปลอมแปลง และแสดงแหล่งกำเนิดของสินค้าหรูหราต่าง ๆ


แบนเนอร์รายการฐานยานยนต์

2.วิทยาการการเข้ารหัสแบบแลตทิชเพื่อต่อกรกับแฮกเกอร์ โดยไอบีเอ็มกำลังพัฒนาวิธีการเข้ารหัสเพื่อให้ก้าวทันเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง ‘คอมพิวเตอร์ควอนตัม’ ซึ่งในวันหนึ่งจะสามารถเจาะโปรโตคอลการเข้ารหัสในปัจจุบันได้ทั้งหมด นักวิจัยของไอบีเอ็มได้เริ่มพัฒนาวิธีการเข้ารหัสแบบโพสต์ควอนตัม ที่เรียกว่า วิทยาการการเข้ารหัสแบบแลตทิช (Lattice Cryptography) และได้มีการนำเสนอเทคโนโลยีดังกล่าวต่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์แบบใด หรือแม้แต่คอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต ก็จะสามารถเจาะการเข้ารหัสรูปแบบนี้ได้ เทคโนโลยีการเข้ารหัสแบบแลตทิชนี้จะช่วยให้เราสามารถทำงานบนไฟล์หรือเข้ารหัสไฟล์ได้ โดยที่บรรดาแฮกเกอร์ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้ได้เลย

3.กล้องจุลทรรศน์หุ่นยนต์ที่มีปัญญาประดิษฐ์เป็นกลไกเบื้องหลัง จะช่วยรักษาท้องทะเลเอาไว้ โดยในอีก 5 ปี กล้องจุลทรรศน์อัตโนมัติขนาดเล็กที่มีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ เป็นกลไกสำคัญ ที่ได้รับการเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายบนคลาวด์และถูกนำมาใช้งานทั่วโลก จะสามารถตรวจสอบสภาวะของน้ำ ซึ่งเป็นหนึ่งในทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของโลกที่กำลังถูกคุกคาม โดยจะติดตามข้อมูลสภาวะน้ำได้อย่างต่อเนื่อง บรรดานักวิทยาศาสตร์ของไอบีเอ็มกำลังพัฒนาแนวทางการใช้ประโยชน์จากแพลงก์ตอน ซึ่งถือเป็นเซ็นเซอร์ทางชีววิทยาตามธรรมชาติที่สามารถบ่งบอกสภาวะของน้ำ โดยจะมีการนำกล้องจุลทรรศน์เอไอไปไว้ในแหล่งน้ำในสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ เพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของแพลงก์ตอนแบบ 3 มิติ และนำข้อมูลมาใช้คาดการณ์พฤติกรรมและสุขภาพแพลงก์ตอน


05-3353-53

4.ปัญญาประดิษฐ์ที่มีอคติจะหมดไป และมีเพียงปัญญาประดิษฐ์ที่ปราศจากอคติเอนเอียงเท่านั้นที่จะดำรงอยู่ ซึ่งภายใน 5 ปี จะมีโซลูชันใหม่ ๆ รับมือระบบปัญญาประดิษฐ์และอัลกอริธึมที่มีอคติเอนเอียง ซึ่งจะเพิ่มจำนวนขึ้นมาก ขณะที่ เรากำลังพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถเชื่อถือได้ในปัจจุบัน ถือเป็นเรื่องสำคัญควบคู่กัน ที่เราจะต้องพัฒนาและเทรนระบบเหล่านี้ด้วยข้อมูลที่เป็นกลาง ตรงไปตรงมา และปราศจากอคติในแง่เชื้อชาติ เพศ หรือความคิดความเชื่อใด ๆ เป้าหมายดังกล่าวทำให้นักวิจัยของไอบีเอ็มเริ่มพัฒนาวิธีการลดอคติที่อาจมีอยู่ในชุดข้อมูลที่ใช้ในการเทรนระบบ เช่น การทำให้อัลกอริธึมเอไอใด ๆ ที่เรียนรู้จากชุดข้อมูลเหล่านั้น สามารถเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง โดยที่มีอคติเอนเอียงน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ของไอบีเอ็มยังได้คิดค้นวิธีการทดสอบระบบปัญญาประดิษฐ์ แม้ในช่วงเวลาที่ไม่มีข้อมูลสำหรับการเทรน

และ 5.ระบบคอมพิวเตอร์ควอนตัมจะกลายเป็นเทคโนโลยีหลัก ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า ระบบคอมพิวเตอร์ควอนตัมจะถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางโดยผู้เชี่ยวชาญและนักพัฒนากลุ่มใหม่ ๆ เพื่อนำมาใช้แก้ไขปัญหาที่ปัจจุบันยังไม่สามารถแก้ไขได้ ควอนตัมจะเป็นเรื่องที่แพร่หลายในชั้นเรียนระดับมหาวิทยาลัย และอาจมีการเรียนการสอนแม้ในระดับมัธยมศึกษา นักวิจัยของไอบีเอ็มได้บรรลุเป้าหมายเรื่องเคมีเชิงควอนตัม โดยประสบความสำเร็จในการจำลองพันธะของอะตอมในเบริลเลียมไฮไดรด์ (BeH2) ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการจำลองขึ้น โดยคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต คอมพิวเตอร์ควอนตัมจะถูกนำไปใช้แก้ไขปัญหาที่ทวีความซับซ้อนขึ้น และก้าวไปไกลกว่าสิ่งที่เราสามารถทำได้ โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์แบบคลาสสิกเพียงอย่างเดียว


โปรโมทแทรกอีบุ๊ก

“ในอนาคตอันใกล้นี้ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ บล็อกเชน วิทยาการการเข้ารหัสแบบแลตทิช และคอมพิวเตอร์ควอนตัม จะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยให้มนุษย์ก้าวข้ามผ่านความท้าทายที่อาจไม่เคยทำได้ในอดีต ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวล้วนเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์วิจัยไอบีเอ็มได้ทุ่มเทศึกษาและพัฒนาอย่างจริงจังมาโดยตลอด ทำให้เราภูมิใจอย่างยิ่งที่จะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเสริมศักยภาพให้แก่องค์กรธุรกิจและสังคมต่อไป” นางพรรณสิรี เสริม


……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,353 วันที่ 1-4 เม.ย. 2561 หน้า 05
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
Bangkok Fintech Fair 2018 กระหึ่ม! แบงก์-ฟินเทคงัดนวัตกรรมการเงินโชว์ไม้เด็ด
AI เสริมประสิทธิภาพงาน HR


ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว