นำทัพ ‘เอสซี แอสเสท’ Change องค์กร เดินหน้าสู่เป้า 1.9 หมื่นล้าน
หากเอ่ยชื่อผู้นำรุ่นใหม่ของ บริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) “ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” หรือ “คุณพงศ์” ที่เข้ามานั่งทำหน้าที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารองค์กรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้คงมีน้อยคนนัก ที่จะมีโอกาสได้รับรู้ถึงแนวคิด แนวการบริหารงาน ที่ทำให้บริษัทแห่งนี้ เติบโตและขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาเพียง 8 ปีที่เขาเข้ามานั่งบริหาร
วันนี้ “คุณพงศ์” ได้เปิดใจพูดคุยถึงแนวคิดที่น่าสนใจ กับมุมมองในการบริหารที่ “เผื่อมุม” สำหรับการเปลี่ยนแปลงและปรับตัว เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อเนื่อง จากยอดรายได้เมื่อ 8 ปีที่แล้วอยู่ที่กว่า 7 พันล้านบาท แต่การรับรู้ในแบรนด์ เอสซี แอสเสท ยังมีน้อย คนทั่วไปกลับรู้จักแบรนด์ชื่อโครงการมากกว่า สิ่งแรกที่เร่งทำขณะนั้นคือ การรีแบรนดิ้ง สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก และเมื่อแบรนด์เริ่มแข็งแรงขึ้น เส้นทางต่อไปคือ การทำให้แบรนด์เติบโต ด้วยการขยายเซกเม้นต์โปรดักต์ของบริษัท ปลดล็อกจากการทำโครงการราคาระดับบน ตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ลงมาสู่ระดับกลาง คือ ประมาณ 3-5 ล้านบาท เพิ่มความหลากหลายด้วยบ้านแฝด ทาวน์โฮม ผลที่ได้รับคือ ยอดรายได้ที่เติบโตทะลุหมื่นล้านบาท
นั่นคือ การเปลี่ยนแปลง 2 ครั้งใหญ่ ที่ผู้บริหารหนุ่มคนนี้เข้ามาดูแล และขณะนี้ คือ ช่วงของการเปลี่ยนแปลงใหญ่ครั้งที่ 3 ซึ่งเกิดจากโจทย์หลักคือ พฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นเอสซี แอสเสท ในฐานะผู้ให้บริการและผู้สร้างโปรดักต์จึงต้องปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ คือการเปลี่ยนตัวเองจากนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ไปสู่การเป็น Living Solution Provider โดยฝันที่ “คุณพงศ์” วางเป้าไว้คือ การเป็นผู้สร้างเช้าที่ดีให้กับลูกบ้านทุกคน ก่อนที่จะออกไปทำภารกิจของชีวิตตัวเอง
วิถีการเปลี่ยนแปลง เริ่มจากการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งต้องมีการปรับเปลี่ยนตั้งแต่ People, Process และ Product
การปรับเปลี่ยนครั้งล่าสุด เริ่มที่ People เพราะการจะเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรต้องเริ่มจากคนในองค์กร ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาประมาณปีกว่า โดยการคิดและทำด้วยกัน มีการทำเวิร์กช็อปในองค์กรหลายๆ กลุ่ม มีการพูดคุย จนได้คำว่า Sky Dive และพัฒนาขึ้นมาเป็นแอพพลิเคชันสำหรับทุกคนในองค์กร
“เรามามองว่า เราจะเดินอย่างไร ก็เหมือนกับ Sky Dive การที่คนจะโดดร่มลงมาได้ ต้องกล้าคิด กล้าตัดสินใจ และทุกคนในทีมต้องช่วยกัน และรอดไปด้วยกัน”
เนื้อหาของการปรับเปลี่ยนมีหัวใจหลักๆ คือ 4 C ได้แก่ 1. Care คือการใส่ใจลูกค้า เข้าไปดูว่าเขาต้องการอะไร เขาอยู่แล้วมีความสุขไหม โซลูชันที่เราใส่เข้าไปดีต่อลูกบ้านไหม ซึ่งเรื่องของ Care ถือเป็นจุดแข็งของเอสซี แอสเสท อยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องที่ปลูกฝังกัน
มานาน 2. Courage พฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป ทีมก็ต้องมีความกล้าคิดกล้าตัดสินใจที่จะตอบโจทย์ลูกค้าได้ 3. Collaboration จากการเป็น Living Solution Provider ต้องมีการทำงานร่วมกัน ทั้งกับภายในองค์กรและนอกองค์กร เป็นการ Co-Creation เพื่อให้ได้โซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้าให้มากที่สุด และ 4. Continuous Improvement การไม่หยุดพัฒนา ไม่หยุดเรียนรู้ เพราะโลกมันพัฒนาไปเรื่อยๆ ลูกค้าเราก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
“คุณพงศ์” ในฐานะผู้นำองค์กร บอกว่า การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ จริงๆ ต้องเริ่มที่ตัวเขาเองก่อน ในฐานะผู้นำ ต้องกำหนดทิศทางให้ถูก เพื่อนำองค์กรไปในทิศทางทีี่ถูกต้อง และการเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงของเขา ก็ไม่ได้เริ่มจากการออกคำสั่ง แต่เป็นการ “รับฟัง” ฟังเสียงของทุกคนในองค์กรอย่างมีสติ แล้วมาคิด ตัดสินใจ เรื่องบางอย่างอาจต้อง centralized เรื่องบางอย่างอาจต้องdecentralized หรืออาจต้องทำทั้งสองอย่างควบคู่กันไป โดยสิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากๆ ขณะนี้คือ การ Collaboration หรือการทำงานร่วมกัน เมื่อภายในองค์กรทำงานร่วมกันได้ดี ประสานกันได้ดี ออกไปข้างนอกก็ไม่ยากแหละ
ทุกๆ อย่างที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลง การคิดโปรเจ็กต์ การวางแผนงาน ผู้บริหารคนนี้ให้ความสำคัญมากกับการ “เผื่อมุม” สำหรับการปรับเปลี่ยน จะไม่มีอะไรที่ฟิกซ์เป๊ะจนเกินไป หรือหลวมจนเกินไป เพราะโลกยุคนี้เป็นโลกของการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างสามารถปรับได้ตลอดเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ สอดรับกับความต้องการของลูกค้า
“ผมไม่เคยเห็นภาพอะไรที่เต็มร้อย ผมว่ามันจะมีรูมที่ปรับเปลี่ยนได้ ไม่ว่าจะสเตจไหน ผมจะมีไว้ 70% ที่ทำ ส่วนอีก 30% ยังขยับได้ เช่น การปรับเปลี่ยนองค์กร ทุกอย่างยังต้องปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ หรือ โครงการที่อีอีซี ผมคิดไว้ 6 รูปแบบ พอทำไปได้สัก 3-4 เฟส ดูความต้องการลูกค้าไปเรื่อยๆ หากไม่ใช่ ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอด”
ในมุมของการบริหาร “คุณพงศ์” ยํ้าว่า ไม่ว่าจะทำเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ต้องเริ่มจากตัวเอง และต้องเริ่มจากใจ มีสติ และใช้เวลาในการคิด ไตร่ตรอง เพื่อการจัดการอย่างถูกต้อง และที่สำคัญคือ ต้อง “ฟัง” เสียงจากคนในองค์กร ไม่เพียงแค่ “ได้ยิน” และจากการ “ฟัง” ของผู้นำคนนี้ พัฒนามาสู่เป้าหมาย 3 อย่างที่ตั้งไว้ คือ 1. กำไรที่เติบโต จากเป้ารายได้ในปีนี้คือ 1.9 หมื่นล้านบาท 2. คุณภาพ ต้องรักษาไว้ และ 3. นวัตกรรม ที่ตอบโจทย์ลูกค้า
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,490 วันที่ 25-27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562
