ทรูมันนี่ผนึกโซลอซ นำร่องให้บริการระบบยืนยันตัวตนแบบไบโอเมทริกซ์ ผ่านเซเว่นฯ 9 สาขา ก่อนเปิดให้บริการ ทั่วประเทศหลัง ธปท. อนุญาตออก Sandbox ระบุแม่นยำ 99.99% จับคู่ฐานข้อมูลบัตรประชาชนภายใน 3 วินาที ชี้ช่วยยกระดับ e-KYC พิสูจน์ตัวตนของไทย
นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด ผู้ประกอบการกระเป๋าเงินอิเล็ก ทรอนิกส์ หรือ อี-วอลเล็ต ภายใต้ชื่อ “ทรูมันนี่” เปิดเผยว่าบริษัทได้ร่วมกับ โซลอซ ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชัน และเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนแบบไบโอเมทริกซ์ระดับโลก มานำร่องเปิดให้บริการในเบื้องต้น ที่เซเว่น อีเลฟเว่น 9 สาขา
9 สาขา ที่รองรับการยืนยันตัวตนในรูปแบบสแกนใบหน้า ประกอบด้วย สาขาตึก เอไอเอ แคปปิตอล รัชดาฯ, สาขาตึก ทรู ดิจิทัล พาร์ค ปุณณวิถี ชั้น G, สาขาบารอน รัชดาฯ ซอย 3 (ตรงข้ามร้านข้าวมันไก่), สาขารัชดาฯ 1 ซอยอยู่เจริญ,สาขาถนนรัชดาฯ ซอย 4 (ตรงข้างร้านกาแฟมวลชน), สาขาตึกธาราสาทร (CP All), สาขาเทเวศร์ 3 (ธนาคารแห่งประเทศไทย), สาขาตึกสาทรสแควร์ (BTS ช่องนนทรี) และสาขาตึกยูไนเต็ดเซ็นเตอร์ (สีลม)
ขณะเดียวกันบริษัทได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อทำการทดสอบระบบการยืนยันตัวตนแบบไบโอเมทริกซ์ด้วยการสแกนใบหน้า ในสนามทดสอบ (Regulatory sandbox) ร่วมกับสถาบันทางการเงินชั้นนำต่างๆ ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นอยู่ในขั้นตอนยื่นเรื่องออกจาก Sandbox ซึ่งจะพร้อมเปิดให้บริการในเซเว่นฯ ทุกสาขาในเร็วๆ นี้
บริการยืนยันตัวตนแบบไบโอเมทริกซ์ด้วยการสแกนใบหน้านั้นถือเป็นการสร้างมาตรฐานความปลอดภัยการใช้อี-วอลเล็ตขั้นสูงสุด และเป็นส่วนสำคัญในการช่วยยกระดับมาตรฐานการยืนยันตัวตนแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) ให้กับประเทศไทย โดยเทคโนโลยีที่เลือกนำมาใช้นั้นเป็นกระบวนการยืนยันตัวตนที่ง่าย เหมือนกับการถ่ายภาพเซลฟี และใช้ความสามารถของเทคโนโลยีตรวจจับอัตลักษณ์บุคคลที่มีความแม่นยำ 99.99% เชื่อมโยงจับคู่กับฐานข้อมูลในบัตรประชาชนได้อย่างรวดเร็วไม่ถึง 3 วินาที ทำให้ผู้ใช้ดำเนินการป้องกันตัวเองได้อย่างสะดวกและมั่นใจขึ้นเมื่อยืนยันตัวตนสำเร็จ
“เป้าหมายสำคัญของเรา นอกจากการช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ด้วยนวัตกรรมทันสมัยอย่างสะดวกสบายแล้ว เรายังมุ่งให้ความสำคัญกับการสรรหา ลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยอย่างจริงจัง เพราะเราตระหนักดีว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคคือหัวใจหลักในการให้บริการด้านการเงิน
นางสาวมนสิณี กล่าวต่อไปอีกว่า บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการอี-วอลเล็ตที่มีการนำเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนแบบไบโอเมทริกซ์ด้วยการสแกนใบหน้า (Facial Recognition) มาใช้ในระบบการแสดงและยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) ในสนามทดสอบ (Regulatory sandbox) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันทางการเงินชั้นนำต่างๆ ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเทคโนโลยี Biometric Facial Recognition คือ 1 ใน 5 เทคโนโลยีสำคัญที่อยู่ใน Regulatory Sandbox ของ ธปท. (ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ความคืบหน้า Regulatory Sandbox) การใช้ Facial Recognition เพื่อการทำ e-KYC เป็นระบบการพิสูจน์ตัวตนด้วยการสแกนใบหน้าที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการระบุตัวตน ลดขั้นตอนความยุ่งยาก การลืมพาสเวิร์ด และความเสี่ยงในการถูกใช้เป็นช่องทางทุจริตหรือการฟอกเงิน พร้อมสร้างมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ให้กับเจ้าของบัญชีขั้นสูงสุดในอุตสาหกรรม รวมถึงเพิ่มความสะดวก เนื่องจากร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เปิดให้บริการทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และผู้ใช้บริการสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ เซเว่นอีเลฟเว่น ได้ทุกสาขา ตลอดเวลา 24 ชม. เพื่อรับการให้บริการที่สะดวกรวดเร็ว ไม่ยุ่งยาก
“ทรูมันนี่เชื่อว่า e-KYC จะสร้างความเชื่อมั่นและเป็นเกราะป้องกันให้กับอุตสาหกรรมอี-วอลเล็ตในภาพรวม รวมถึงผู้ใช้ทุกคนของเราจากเหล่ามิจฉาชีพที่มักสวมรอยใช้บัญชีอี-วอลเล็ตของผู้ตกเป็นเหยื่อ พร้อมทั้งช่วยคัดกรองการใช้งานไปในทางที่ไม่เหมาะสม เช่น ในธุรกิจสีเทา ขายภาพลามกอนาจาร หรือใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงินอื่นๆ”