องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ ศาลฎีกา พิพากษาแก้เพิ่มโทษเอกชน โรงสีร่วมกระทำความผิด "ประพิศ-เจียเม้ง"ยักษ์ใหญ่ค้าข้าวไม่พ้นบ่วงกรรม
ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษาคดีชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์คดีทุจริตข้าวจีทูจี นายภูมิ สาระผล จำเลยที่ 1 นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ จำเลยที่ 2 กับพวกรวม 28 คน กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพ.ร.บ.เกี่ยวกับเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ ความผิดต่อพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต
คดีนี้เดิมศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ส.ค.2560 ให้จำคุกตั้งแต่ 4-48 ปีกลุ่มนักการเมืองที่เป็นรัฐมนตรี และข้าราชการระดับสูงกรมการค้าต่างประเทศ รวมทั้งเอกชนกลุ่มนักค้าข้าว ที่ตกเป็นจำเลยรวม 15 ราย สมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ กระทั่งศาลฯ มีคำสั่งนัดฟังคำพิพากษาดังกล่าว
คดีนี้อัยการเป็นโจทย์ ยื่นฟ้องนายบุญทรงฯ กับพวก รวม 28 ราย เป็นจำเลย ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษ ดังนี้ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ขณะนั้น ในฐานะประธานอนุ กก.พิจารณาระบายข้าว จำเลยที่ 1 จำคุก 36 ปี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ในขณะนั้น ในฐานะประธานอนุ กก.พิจารณาระบายข้าว จำเลยที่ 2 จำคุก 42 ปี โดยองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำคุกเพิ่มอีก 1 กระทง เป็นเวลา 6 ปีรวมจำคุกมีกำหนด 48 ปี
ในการพิพากษาก่อนหน้านี้ให้ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จำเลยที่ 4 จำคุก 40 ปี, นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ และอดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จำเลยที่ 5 จำคุก 32 ปี, นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศและอดีตผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ จำเลยที่ 6 จำคุก 24 ปี, นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 14 จำคุก 48 ปี, ฐานทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ
ส่วนจำเลยอื่นศาลลงโทษจำคุกลดหลั่นลงตามพฤติการณ์ความร้ายแรงแห่งการกระทำความผิด ศาลฯ ยังพิพากษาให้ บริษัทสยามอินดิก้า จำกัด นายอภิชาติ จำเลยที่ 14 และนายนิมล หรือโจ จำเลยที่ 15 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย แก่กระทรวงการคลัง 1.69 หมื่นล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย อัตราร้อยละ 7.5 นับตั้งแต่วันที่รับมอบข้าวตามสัญญาแต่ละฉบับ จำเลยอื่นให้รับผิด ชดใช้ค่าเสียหายตามส่วนเช่นเดียวกัน รวมทั้งให้ยกฟ้อง นายสมยศ คุณจักร จำเลยที่ 19 และ จำเลยที่ 22 ถึง จำเลยที่ 28 แต่ในการพิจารณาและอ่านคำพิพากษาขององค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ได้พิพากษาแก้ ให้จำคุกจำเลยที่ 26 คือ นายปกรณ์ ลีศิริกุล ให้จำคุก 4 ปี และปรับ 2.5 หมื่นบาท ให้จำคุกจำเลยที่ 28 คือ นางประพิศ มานะธัญญา ผู้บริหารบริษัทเจียเม้ง 4 ปี และปรับ 2.5 หมื่นบาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา เป็นเวลา 3 ปี
องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ ยังได้พิพากษาแก้ ให้ปรับจำเลยที่ 22 ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีกิจทวียโสธร จำเลยที่ 24 นายทวี อาจสมรรถ จำเลยที่ 25 บริษัทเค.เอ็ม.ซีอินเตอร์ไรซ์ (2002จำกัด ) และจำเลยที่ 27 บริษัทเจียเม้ง จำกัด รายละ 2.5 หมื่นบาท
จำเลยที่ 22-28 ต่างประกอบกิจการค้าข้าวมาก่อน ได้ซื้อข้าวต่ำกว่าราคาท้องตลาดในปริมาณมากและมูลค่าสูง ไม่มีการออกใบเสร็จรับเงิน ไม่ได้ระบุจำเลยที่ 22-28 เป็นผู้ซื้อและยังได้ออกเป็นแคชเชียร์เช็คจ่ายค่าข้าวในคลังตัวเอง ส่วนนายปกรณ์ บริษัท เจียเม้ง นางประพิศ ชำระค่าข้าวในคลังอคส. เชื่อว่าจำเลยที่ 22-26 ที่เป็นเอกชน ผู้ค้าข้าว โรงสี ทราบว่ามีการทุจริตร่วมกันอย่างเป็นกระบวนการในโครงการรับจำนำ ควรทำในสิ่งถูกต้องด้วยการไม่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด แต่ยังเลือกเจรจาต่อรองแล้วตกลงซื้อข้าวและรับข้าวในโครงการจำนำ พฤติการณ์บ่งชี้ว่า จำเลยที่เป็นเอกชน โรงสีได้กระทำดังกล่าวโดยผ่านกระบวนการคิด ไตร่ตรองและตระหนักผลดีผลเสียเป็นอย่างดีแล้ว จึงเลือกซื้อข้าวเพียงเพื่อให้ได้มาประกอบธุรกิจตน โดยมิได้คำนึงการกระทำนั้นเป็นการซื้อข้าวที่ได้มาจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐและส่งผลเสียหายหรือไม่เพียงใด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
● “บุญทรง”ถึงกับช็อก! หลังศาลเพิ่มโทษจำคุกยาว48ปี
● ด่วน! ศาลสั่งจำคุก "บุญทรง"เพิ่ม6ปี รวม48ปีคดีจีทูจีข้าว
● เซ่นคดีข้าวจีทูจี ศาลสั่งคุก! ‘บุญทรง’ 42 ปี ‘ภูมิ’ 36 ปี
● ผงะ!! ‘คดีจำนำข้าว’ ยกฟ้องเพียบ