ความขัดแย้งระหว่างผู้นำสหรัฐอเมริกาและประธานธนาคารกลาง (เฟด) ยังคงเป็นไปอย่างเปิดเผยและเผ็ดร้อน เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความตำหนินายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ในทันทีหลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติ 7-3 เสียงในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ แต่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อๆไป โดยผู้นำสหรัฐฯระบุว่า เฟดล้มเหลวอีกครั้งหนึ่ง นายพาวเวลล์เป็นผู้ที่ไม่มีวิสัยทัศน์ ไม่มีกึ๋น ไม่มีสามัญสำนึก และเป็นผู้สื่อสารที่แย่มาก
ด้านนายพาวเวลล์กล่าวภายหลังการประชุม FOMC ว่า เฟดจะดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องหากมีความจำเป็น อย่างไรก็ดี เขายังไม่เห็นว่าสิ่งนี้มีความจำเป็นในขณะนี้ ซึ่งสวนทางกับความเห็นของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ต้องการให้เฟดปรับลดดอกเบี้ยลงมากกว่านี้และเร็วกว่านี้เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ
การประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ของปี 2562 หลังจากที่เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เช่นกันในการประชุมรอบที่แล้วเมื่อวันที่ 30-31 ก.ค. ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี หรือนับตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2551 เป็นต้นมา
นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟด สาขาบอสตัน และนางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟด สาขาแคนซัส ซิตี้ มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ขณะที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ สนับสนุนให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% การที่มีกรรมการเฟดถึง 3 คนลงมติต่างจากเสียงส่วนใหญ่ บ่งชี้ถึงความแตกแยกระหว่างกรรมการเฟดครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557
ถ้อยคำในแถลงการณ์หลังการประชุม FOMC ครั้งนี้แทบไม่แตกต่างจากการประชุมรอบที่แล้ว โดยคณะกรรมการเฟดยังคงเน้นย้ำถึงพัฒนาการของแนวโน้มเศรษฐกิจโลก และการที่มีแรงกดดันเงินเฟ้อต่ำ เป็นสาเหตุของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของปีนี้ ส่วนคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของกรรมการเฟดทั้ง 17 รายนั้น 5 รายเห็นว่า เฟดควรตรึงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 2.00-2.25% ขณะที่อีก 5 รายสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% และให้เฟดคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวถึงสิ้นปีนี้ ส่วน 7 รายต้องการให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 1 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้
นอกจากนั้น กรรมการเฟดยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ สู่ระดับ 2.2% ในปีนี้ จากระดับ 2.1% ที่คาดการณ์ในเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา และคงตัวเลขคาดการณ์ในปีหน้า (2563) ที่ระดับ 2.0% ขณะที่ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อัตราการขยายตัวในปี 2564 สู่ระดับ 1.9% จากเดิมที่คาดไว้ 1.8% และคาดการณ์อัตราการขยายตัวในปี 2565 ที่ระดับ 1.8% ส่วนตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในระยะยาวยังคงอยู่ที่ระดับ 1.9%
ขณะเดียวกัน เฟดได้ปรับเพิ่มตัวเลขอัตราการว่างงานในปีนี้สู่ระดับ 3.7% จากเดิม 3.6% ส่วนตัวเลขในปี 2563 และ 2564 ยังคงอยู่ที่ระดับ 3.7% และ 3.8% ตามลำดับ ส่วนในปี 2565 คาดว่าอยู่ที่ระดับ 3.9% ขณะที่คงตัวเลขว่างงานในระยะยาวที่ระดับ 4.2%
เฟดยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของปีนี้ที่ระดับ 1.8% และคงตัวเลขในปี 2563 และ 2564 ที่ระดับ 1.9% และ 2.0% ตามลำดับ
ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ทรัมป์ทวิต ‘ผิดหวัง’ เฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ครั้งแรกในรอบ 10 ปี แต่ยังกั๊กวงจรดอกเบี้ยขาลง