ก่อนที่ “โชวห่วย” จะสิ้นลม จี้รัฐงัดมาตรการภาษีช่วย

09 ต.ค. 2562 | 09:28 น.

นักวิชาการแนะ รัฐงัดมาตรการภาษีดึงโชวห่วยเข้าระบบ เพิ่มขีดความสามารถให้แข่งขันกับโมเดิร์นเทรดได้ ชี้ทุกฝ่ายต้องหามาตรการร่วมกับเพื่อให้โชวห่วยไทยอยู่รอดได้ในภาวะการแข่งขันสูง

 

ดร.ศิริเดช คำสุพรหม คณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (College of Innovative Business and Accountancy : CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์(มธบ.) เปิดเผยว่า มธบ.ได้ร่วมหารือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดยเสนอหาแนวทางในการพัฒนาร้านค้าโชว์ห่วยพร้อมยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถโชวห่วยรูปแบบเดิมให้เป็นสมาร์ทโชวห่วยเพื่อให้สามารถแข่งขันกับโมเดิร์นเทรดได้

อย่างไรก็ดี ในการพัฒนาร้านค้าโชวห่วยซึ่งมีอยู่กว่า 3 หมื่นกว่าร้านค้าทั่วประเทศ โดย ในหนึ่งตำบล มีร้านค้าโชวห่วยประมาณ 1-3 ร้าน ในจำนวนนี้มีที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานภาครัฐจำนวนไม่มากนัก ซึ่งอาจเป็นปัญหาและอุปสรรคในการเข้าไปพัฒนา เนื่องจากหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเพื่อเข้าไปพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถให้กับร้านค้าโชวห่วยเหล่านี้ มีข้อจำกัด คือ ต้องเป็นร้านที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์เท่านั้น   หลายร้านอาจกลัวในเรื่องของปัญหาภาษีที่อาจตามมาเมื่อเข้าสู่ระบบภาครัฐ เหตุนี้จึงทำให้มีร้านโชวห่วยอยู่ในระบบจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณที่มีอยู่จริง

ดังนั้น หากรัฐบาลมีมาตรการในการลดหย่อนภาษี หรือ มาตรการด้านภาษีหรือแม้แต่มาตรการด้านอื่นๆเพื่อจูงใจร้านค้าโชวห่วยเข้ามาสู่ระบบภาครัฐมากขึ้นจะทำให้ร้านโชวห่วย ของไทยมีโอกาสได้เข้ารับการพัฒนายกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันกับโมเดิร์นเทรดได้มากขึ้น

ก่อนที่ “โชวห่วย” จะสิ้นลม จี้รัฐงัดมาตรการภาษีช่วย

“อยากฝากถึงรัฐบาลหากต้องการพัฒนาโชว์ห่วยเล็กๆ ให้เป็นสมาร์ทโชวห่วยได้ น่าจะมีมาตรการด้านภาษีเพื่อสร้างแรงจูงใจในการเข้าระบบภาครัฐมากขึ้น จะทำให้เขามีโอกาสได้รับการช่วยเหลือในด้านต่างๆ จากหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะทำให้ร้านโชวห่วยสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองสู้กับโมเดิร์นเทรดได้ โชวห่วยมีจุดแข็งที่เป็นร้านดั้งเดิมที่อยู่ในชุมชนมีความคุ้นชินกับคนในชุมชน มีปฏิสัมพันธ์กับคนในชุมชนหรือลูกค้ามากกว่า  ดังนั้น เพื่อให้โชว์ห่วยอยู่ได้ เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องหามาตรการร่วมกันในการช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นโชวห่วยก็แข่งขันกับโมเดิร์นเทรดไม่ได้และจะหายไปในที่สุด” ดร.ศิริเดช กล่าว

ก่อนที่ “โชวห่วย” จะสิ้นลม จี้รัฐงัดมาตรการภาษีช่วย

ก่อนที่ “โชวห่วย” จะสิ้นลม จี้รัฐงัดมาตรการภาษีช่วย

ด้าน ดร.ภูมิพัฒณ์ พงศ์พฤฒิกุล  นักวิจัยอาวุโส วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี มธบ.กล่าวเสริมว่า จากการหารือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในแนวคิดการพัฒนาต้นแบบของสมาร์ทโชวห่วย เพื่อให้สามารถแข่งขันกับโมเดิร์นเทรดแบรนด์ดังซึ่งมีจำนวนมากมาย จนส่งผลกระทบให้ร้านโชวห่วยไทยปิดตัวลงไปจำนวนไม่น้อยนั้น  โดย มธบ.ได้ทำการสำรวจร้านค้ากว่า 218 ร้าน จาก 7 จังหวัด ระยะเวลา 1 เดือน พบว่า แนวทางพัฒนาร้านโชวห่วยให้แข่งขันกับโมเดิร์นเทรดได้นั้น

เบื้องต้นร้านค้าเหล่านี้ต้องปรับปรุงพื้นที่ร้านใหม่ และมีการจัดผังของร้านให้มีรูปแบบที่ทันสมัยมากขึ้น รวมถึงการจัดระเบียบการวางและเรียงสินค้าที่ต้องเป็นหมวดหมู่สวยงาม แสงสว่างภายในร้านมากเพียงพอ เพื่อดึงดูดลูกค้าเข้ามาในร้าน การบันทึกรายการสินค้าขายดี ซึ่งจะเป็นข้อมูลในการจัดวางสินค้าให้ลูกค้าสามารถหยิบจับได้โดยง่าย ทั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยชอบจับจ่ายซื้อของจากร้านโมเดิร์นเทรดที่ทันสมัยมากขึ้น   

 

นอกจากนี้ มาตรการที่ภาครัฐเข้าไปช่วยเหลือร้านโชวห่วย เช่น บัตรสวัสดิการธงฟ้าประชารัฐ เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ยอดขายของร้านโชวห่วยกระเตื้องขึ้นมาได้ รวมไปถึง การทำความร่วมมือกับภาคบริการต่างๆ เช่น เครือข่ายโทรศัพท์มือถือค่ายต่างๆ ตู้ชำระเงิน ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ของภาครัฐ ให้ร้านค้าโชวห่วยที่เข้าร่วมโครงการกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพานิชย์ สามารถรับบริการชำระเงินค่าบริการต่างๆ ได้ ก็จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเพิ่มรายได้ของร้านค้าโชวห่วย และยกระดับขึ้นเป็นสมาร์ทโชวห่วยได้ โดยข้อมูลที่ มธบ.ทำการสำรวจทั้งหมดจะสรุปและรวบรวมเสนอให้กับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์และวางแผนในการดำเนินงานพัฒนาร้านค้าเล็กๆสู่สมาร์ทโชวห่วยในอันดับถัดไป  

ก่อนที่ “โชวห่วย” จะสิ้นลม จี้รัฐงัดมาตรการภาษีช่วย