ไอเอ็มเอฟคาด จีดีพีไทยปีนี้เติบโต 2.9% จากประมาณการเดิม 3.5% จากผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐ - จีน ส่วนปี 63 โต 3% แนะไทยใช้นโยบายการคลังผนึกการเงิน ประคองเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดลง
นายโจนาธาน ออสทรี รองผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียและแปซิฟิก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)เปิดเผยว่า ไอเอ็มเอฟได้รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียพบว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)เอเชียปี 2562 มีแนวโน้มขยายตัว 5.0% และ 5.1% ในปี 2563 ชะลอลงจากปีที่ผ่านมา และต่ำกว่าประมาณการ ณ เดือนเมษายน 2562 อยู่ที่ 0.4% และ 0.3% ตามลำดับ โดยการค้าและการลงทุนชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญจากมาตรการกีดกันทางการค้า และความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการผลิต
ขณะที่อัตราการขยายตัวของจีดีพีไทย ปี 2562 จะเติบโตเพียง 2.95 ซึ่งปรับประมาณการณ์ลดลงจากเดิมที่เคยประเมินไว้เมื่อเดือนเมษายน ที่คาดว่า จะเติบโต 3.5% เนื่องจากผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากผลของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ขณะที่ปี 2563 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ที่ 3% และเห็นว่า ประเทศไทยสามารถใช้นโยบายการคลังและนโยบายการเงิน เพื่อประคองภาวะเศรษฐกิจไทยไม่ให้ทรุดตัวลง รวมทั้งควรส่งเสริมนโยบายการออมเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟเตือนว่า ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจกระทบต่อเศรษฐกิจโลก คือ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ที่อาจทวีความรุนแรงมากขึ้น เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักชะลอตัวกว่าที่คาด ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ความเสี่ยงจากการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรปแบบไร้ข้อตกลง เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงเร็วกว่าที่คาดไว้ ความตึงเครียดภายในภูมิภาค และความเสี่ยงจากภัยพิบัติธรรมชาติที่สูงขึ้น
“ประเทศต่างๆ ควรใช้นโยบายการคลัง การเงิน ที่มีอยู่สนับสนุนการขยายตัวของการบริโภคในประเทศ พร้อมให้ระมัดระวังผลกระทบจากภาวะการเงินโลกที่ผ่อนคลายมากขึ้น จะทำให้เกิดการก่อหนี้มากขึ้นและเป็นความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน ดังนั้นประเทศที่มีความเสี่ยงต้องมีมาตรการลดปัญหาหนี้สินภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน”
นอกจากนี้ในรายงานของไอเอ็มเอฟยังเป็นห่วงกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายที่มีปริมาณมากเกินไป และมีความผันผวนซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจแก่ประเทศผู้รับ ดังนั้นประเทศต่างๆ ควรมีมาตรการดูแลเงินทุนเคลื่อนย้าย และมาตรการ Macroprudential ดูแลเสถียรภาพการเงิน