ทวิตเตอร์มีบัญชีผู้ใช้งานที่สำคัญๆ ซึ่งเป็นองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญ หน่วยงานรัฐบาล ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ และนักระบาดวิทยาเป็นจำนวนมาก โดยทวิตเตอร์มีเป้าหมายในการยกระดับและกระจายข้อมูลด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือออกไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในช่วงที่เกิดภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขก็ยิ่งทำให้เห็นถึงพลังของทวิตเตอร์ที่เปิดกว้างสำหรับทุกคนอันเป็นเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัวของทวิตเตอร์ ความรวดเร็วและไร้พรมแดนของทวิตเตอร์ทำให้เปิดโอกาสในการเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ ออกไปและทำให้ผู้คนมั่นใจได้ว่าจะสามารถเข้าถึงข้อมูลล่าสุดจากแหล่งข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก
ทั้งนี้ ทีมงานด้านความปลอดภัยและความเชื่อมั่นทั่วโลกของทวิตเตอร์ยังคงดำเนินวิธีการขั้นเด็ดขาดต่อการการบิดเบือนข้อมูลบนแพลตฟอร์มและความพยายามอื่นๆ ในการกระทำที่ไม่เหมาะสมในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ ทวิตเตอร์ได้สร้างกฎด้านความปลอดภัยซึ่งรวมถึงคอนเท้นท์ที่อาจทำให้ผู้คนเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่เชื้อโควิด-19 โดยทวิตเตอร์ต้องการให้ผู้ใช้งานลบข้อความที่มีคอนเท้นท์ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงให้ผู้อื่นติดเชื้อหรือแพร่เชื้อไวรัส ดังต่อไปนี้
• การปฏิเสธคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
• การยุยงส่งเสริมให้ใช้วิธีการรักษาที่ไม่มีประสิทธิภาพ การป้องกัน รวมถึงในการวินิจฉัยโรคที่ไม่ถูกต้อง
• ข้อความที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดโดยอ้างว่าเป็นข้อมูลจากเจ้าหน้าที่หรือผู้เชี่ยวชาญ
แม้ว่าขณะนี้เรายังไม่พบว่ามีความพยายามในการบิดเบือนข้อมูลบนทวิตเตอร์ แต่เรายังคงเฝ้าระวังและมุ่งมั่นในการดำเนินงานเชิงรุกเพื่อให้มั่นใจว่าเทรนด์ต่างๆ การค้นหา และบริการในด้านอื่นๆ บนทวิตเตอร์จะได้รับการปกป้องจากพฤติกรรมที่เป็นอันตราย นอกจากนี้เรายังเปิดรับข้อมูลเชิงสร้างสรรค์และเปิดเผยได้จากรัฐบาลและนักวิชาการทุกท่านเพื่อให้ทวิตเตอร์สามารถใช้ข้อมูลนี้อย่างเป็นประโยชน์ในการพัฒนางานของเรา เพราะเราทุกคนจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน
เมื่อต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19 ที่มีความน่าเชื่อถือ ผู้ใช้งานทวิตเตอร์สามารถค้นหาได้จากช่องทางค้นหาทันที (Prompt search) ซึ่งทวิตเตอร์ได้เปิดตัวฟีเจอร์นี้ 6 วัน ก่อนการประกาศเกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมกราคม ซึ่งผู้ใช้งานจะเห็นเนื้อหาจะอยู่ด้านบนสุดของช่องค้นหา ซึ่งทวิตเตอร์ยังคงตรวจสอบบทสนทนาเพื่อให้มั่นใจว่าได้มีการรวมทุกคีย์เวิร์ดเพื่อการค้นหา รวมถึงคำที่มีการสะกดคำผิด ในช่องทางค้นหาทันทีอีกด้วย
ในประเทศไทย ทวิตเตอร์ได้ร่วมมือกับ กระทรวงสาธารณสุข (@pr_moph) และองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย
(@WHOThailand) โดยฟังก์ชั่นใหม่นี้จะนำพาผู้ใช้งานทวิตเตอร์ไปยังแอคเคาท์ทวิตเตอร์ของทั้งสององค์กร และเบอร์ติดต่อสายด่วนของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โทร. 1422
ทวิตเตอร์ยังได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรในท้องถิ่นแต่ละประเทศและจัดทำช่องทางค้นหาทันทีเกี่ยวกับโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันใช้งานได้ใน 66 พื้นที่ รองรับได้ 27 ภาษา และทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐกว่า 60 แห่งทั่วโลก โดยทวิตเตอร์พร้อมขยายขอบเขตช่องทางค้นหาทันที หากมีความต้องการในการใช้งานเพิ่มมากขึ้น
จากนโยบายการควบคุมเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมของทวิตเตอร์ ซึ่งจะทำการระงับบัญชีชั่วคราวของผู้ที่ใช้โอกาสจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในการกำหนดเป้าหมายเพื่อการโฆษณาอย่างไม่เหมาะสม แต่ทวิตเตอร์อนุญาตให้หน่วยงานภาครัฐที่ต้องการเผยแพร่ข้อมูลทางด้านสาธารณสุขได้โฆษณาประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับเรื่องโควิด-19 โดยเราได้วางมาตรการป้องกันเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกในการแชร์ข้อมูลด้านสาธารณสุขที่เชื่อถือได้และเพื่อลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ใช้งาน ขณะนี้ได้ห้ามไม่ให้มีการโปรโมตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์เนื่องจากเป็นสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับโควิด-19 และด้วยการตั้งราคาขายที่สูงเกินจริงในทั่วโลก
ข้อมูลของทวิตเตอร์ได้ถูกใช้ในการวิจัยทุกวัน และมีฮับข้อมูลของการวิจัยให้บริการข้อมูลแก่ผู้สนใจทั่วไป โดยทวิตเตอร์เปิดกว้างต่อการนำข้อมูลของทวิตเตอร์ไปใช้ในการสนับสนุนการวิจัยโควิด-19 นอกจากนั้น ยังมีการดำเนินการพันธมิตรด้าน #DataForGood เพื่อประเมินว่าข้อมูลต่างๆ ของทวิตเตอร์นั้นสามารถสนับสนุนนักวิชาการและองค์การไม่แสดงหาผลกำไรได้นำไปใช้ในการทำความเข้าใจกับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในปัจจุบันและในอนาคต