‘แฮปปี้ กรุ๊ป’ แตกไลน์ เปิดเว็บไซต์ ชิมลางอี-คอมเมิร์ซ

นางสาวอภิรวี พิชญเดชะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮปปี้ กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหาร “happy shopping” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังจากที่รัฐบาลออกมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซและโฮมช็อปปิ้งมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด โดยในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาแฮปปี้ ช็อปปิ้งมีการเติบโต 34-35% เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม ส่งผลให้ไตรมาสแรกมีการเติบโตกว่า 30% สวนกระแสธุรกิจอื่นๆ

 “เดิมช่องทางหลักคือห้างสรรพสินค้า แต่เมื่อห้างต่างๆ ถูกปิด ช่องทางรองลงมาคือ อี-คอมเมิร์ซและโฮมช็อปปิ้งจึงเป็นอีกทางเลือก จะเห็นว่าทั้ง 2 ช่องทางมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะคนไม่สามารถออกจากบ้านได้ แต่ยังต้องกิน ต้องใช้ ขณะที่บางกลุ่มสั่งซื้อผ่านออนไลน์ แต่จะมีบางกลุ่มเช่น แม่บ้านที่นิยมสั่งซื้อผ่านทางทีวี เพราะเห็นสินค้าชัดเจน”

                                   อภิรวี พิชญเดชะ

อย่างไรก็ดี การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเริ่มขึ้นที่จีนตั้งแต่ต้น และบริษัทได้รับสัญญาณการแพร่ระบาดจากพันธมิตรซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ชาวจีนมาก่อน จึงเตรียมแผนรับมือและปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจไว้รองรับ และเมื่อเกิดการแพร่ระบาดในเมืองไทย ส่งผลให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมและระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น บริษัทจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ในทางตรงข้ามสามารถมีสินค้าให้เลือกซื้อตรงกับความต้องการ อาทิ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เป็นต้น

พร้อมกันนี้ยังได้ปรับกลยุทธ์การทำตลาดเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าในไตรมาส 2 ทั้งการจัดแคมเปญฟรีค่าส่งสินค้า การจับมือกับผู้ผลิตสินค้าคอนซูเมอร์รายใหญ่ อาทิ เครือสหพัฒน์ ฯลฯ นำสินค้ากลุ่มอุปโภคบริโภคหรือ FMCG อาทิ ข้าวสาร ผงซักฟอก แชมพู บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ฯลฯ มาวางจำหน่ายผ่านช่องทางโฮมช็อปปิ้ง  และการเปิดเว็บไซต์ https://www.happyshopping2you.com/ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดของบริษัท โดยจะเปิดตัวในวันที่ 15 เมษายนนี้ พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs และโอท็อป นำสินค้าเข้ามาจำหน่ายฟรี โดยเบื้องต้นมีผู้สนใจเข้ามาร่วมแล้ว 57 ราย รวม 82 รายการ และคาดว่า จนถึงกลางเดือนนี้จะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมกว่า 100 ราย

นางสาวอภิรวี กล่าวอีกว่า การแพร่ระบาดของไวรัสที่คาดว่าจะยืดยื้อไปจนถึงกลางปี ทำให้บริษัทต้องปรับแผนให้สอดรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยพบว่าในเดือนมีนาคม สินค้าฟุ่มเฟือยเ ช่น นาฬิกา จิวเวลรี ยอดขายลดลงอย่างมาก สวนทางกับสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ดังนั้นจึงต้องปรับแผนนำสินค้ากลุ่ม FMCG เข้ามาวางจำหน่ายให้มากขึ้น เพื่อผลักดันให้ธุรกิจเดินหน้าไปได้ โดยในไตรมาสสองนี้บริษัทตั้งเป้าที่จะเติบโต 30%

อย่างไรก็ดีนอกจากการเปิดตัวแพลทฟอร์มใหม่ คือ เว็บไซต์แล้ว บริษัทยังเน้นการทำตลาดสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ หรือสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทเอง ได้แก่ แฮปปี้ ไลฟ์ พลัส ให้มากขึ้นเพื่อเป็นอีกทางเลือกสำหรับลูกค้า และในปลายปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวพันธมิตรใหม่ จากปัจจุบันที่นำสินค้าไปวางจำหน่ายผ่านทางช่องอัมรินทร์ทีวี, ช่องวัน และไทยรัฐทีวีด้วย

หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,565 วันที่ 12-15 เมษายน 2563