พัทลุง ขยายล็อกดาวน์ ถึง30เม.ย.
ผู้ว่าฯพัทลุง กำชับทุกคนอย่าพยายามปกปิดตัวเอง ให้รีบแจ้งหากรู้ตัวว่าเพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัด ลงประกาศฉบับที่7 ขยายเวลาปิดเมืองถึง30 เมษายน หวังเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโควิด-19
นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า ทางจังหวัดพัทลุงได้มีประกาศมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ฉบับที่ 7 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส จึงได้มีการขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการต่างๆ ไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 ซึ่งเป็นการขยายเวลาจากประกาศฉบับเดิมที่ ปิดเมืองห้ามเข้า ออก ตั้งแต่วันที่ 6 ถึงวันที่ 16 เมษายน 2563ที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ เนื่องจากการประเมินสถานการณ์ขณะนี้พบว่ามาตรการดังกล่าวไม่ผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ยังไม่สามารถควบคุมยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด ได้ จึงขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากทางจังหวัด ปฏิบัติตามประกาศและกฎหมายอื่นๆ อย่างเคร่งครัด
สำหรับรายละเอียดประกาศฉบับที่7 ได้สั่งห้ามร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ สถานประกอบการ หรือบุคคลใด ขาย จำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยนสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และห้ามการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานสงกรานต์ เล่นน้ำ สาดน้ำ เลี้ยงสังสรรค์ ในทุกระดับ ซึ่งหากผู้ใดฝ่าฝืน จะมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวย้ำว่า สำหรับผู้ที่กลับมาจากต่างจังหวัดอย่าพยายามปกปิดตัวเอง ให้รีบไปแจ้งต่อผู้นำในชุมชนที่ท่านอาศัย เพื่อให้ข้อมูลการเดินทาง แล้วกลับไปกักตัวเองอยู่ที่บ้าน สำหรับประชาชนที่จะเดินทางเข้าออกภายในจังหวัด ซึ่งพัทลุงได้ประกาศปิดจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2563 นั้น จะไม่อนุญาตให้เข้าออกทุกกรณี เว้นแต่การเข้า-ออกที่เป็นการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเกษตร ปศุสัตว์ อาหารสัตว์ น้ำมันเชื้อเพลิง แก๊สหุงต้ม ยานพาหนะขนส่งเงินของธนาคาร ขนส่งพัสดุ สิ่งพิมพ์ วัสดุก่อสร้าง เครื่องจักรก่อสร้าง ชิ้นส่วนซ่อมบำรุง การขนส่งอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ และยานพาหนะทางการแพทย์ กู้ชีพ กู้ภัย
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด–19 จังหวัดพัทลุง จากการส่งผลตรวจทางห้องปฏิบัติการจำนวน 138 ราย พบว่ามีกลุ่มผู้สัมผัสที่ไม่มีอาการสะสม 18 ราย ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคสะสม 120 ราย ซึ่งผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการทั้ง 138 รายนั้น ไม่พบเชื้อ 124 ราย และพบติดเชื้อ 14 ราย ยังไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม ซึ่งผลการรักษาผู้ป่วย 14 ราย ปัจจุบันรักษาอยู่โรงพยาบาล 8 ราย รักษาหายและกลับบ้านแล้ว 6 ราย