ทั้งนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ใน นิวซีแลนด์ ไอซ์แลนด์ ไต้หวัน เวียดนาม และประเทศไทย ซึ่งได้เริ่มทยอยเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากที่มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดจนทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อชะลอตัวลง โดยนิวซีแลนด์ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน จึงทำให้รัฐบาลตัดสินใจยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านทั่วประเทศ (National Transition Period) เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่จะลดระดับความเข้มงวดในการใช้มาตรการล็อกดาวน์ลงสู่ระดับที่ 2 จากเดิมที่เคยใช้ในระดับที่ 4
ขณะที่ไต้หวันประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาด เนื่องจากรัฐบาลได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์และควบคุมการสัญจรอย่างเข้มงวดตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการระบาด ด้านเวียดนามทำสถิติไม่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เลยแม้แต่คนเดียวทั้งๆ ที่เวียดนามมีพรมแดนติดกับประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศแรกที่พบการแพร่ระบาด ส่วนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่โดดเด่นของไอซ์แลนด์ คือ การตรวจคัดกรองฟรีให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว
ส่วนประเทศไทยมีรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดเมื่อวานนี้ (24 พ.ค.)ว่า ไม่พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ ทำให้คงมีจำนวนผู้ป่วยสะสม 3,040 ราย รักษาหายเพิ่มขึ้น 5 ราย ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วรวม 2,921 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 63 ราย ขณะที่ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 56 ราย
ทั้งนี้ นายอีริค เจฟฟรีย์ โทพอล เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นผู้อำนวยการสถาบัน Scripps Research Translational Institute และเป็นผู้เขียนหนังสือขายดีด้านการแพทย์ อาทิ The Creative Destruction of Medicine ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี 2553 The Patient Will See You Now ตีพิมพ์ในปี 2558 และ Deep Medicine: How Artificial Intelligence Can Make Healthcare Human Again ตีพิมพ์ในปี 2562