15 มิถุนายน 2563 นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า แม้การปล่อยสินเชื่อในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 82,516 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ ธอส.ยังคงปล่อยสินเชื่อได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะในเดือนพ.ค.ที่ผ่านสามารถปล่อยสินเชื่อได้ถึง 15,000 ล้านบาทสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการออก 8 มาตรการ ดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 ส่งผลให้ลูกค้ามีความสามารถในการผ่อนชำระมากขึ้น ในภาวะที่มีรายได้ลดลง และประชาชนส่วนหนึ่งยังสามารถขอสินเชื่อได้ แม้ถูกปรับรายได้ลดลง
อย่างไรก็ตาม แม้การปล่อยสินเชื่อในช่วงที่ผ่านมาจะขยายตัวสูงขึ้น แต่ธนาคารเสนอที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร ธอส.ในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ เพื่อขอปรับลดเป้าหมายสินเชื่อใหม่ปีนี้ลงเหลือ 170,000 ล้านบาท หรือ ประมาณ 20% ของเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 210,000 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ธอส.ปล่อยกู้บ้าน'เราไม่ทิ้งกัน' ดอกเบี้ยต่ำ1.99% เช็กสิทธิ์ที่นี่
ธอส.ขยายเวลาช่วยเหลือลูกค้าถึง 31 ต.ค.63
“เชื่อว่าทั้งปี เราจะทำได้ตามเป้าหมายที่ 210,000 ล้านบาท แต่ที่ขอปรับลดลงเพราะเป็นไปตามสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้น เลยทำให้ต้องขอปรับลดไปก่อน แต่หากในเดือนหน้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการนำเงินส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ(SFIF)จะลดลงจากปัจจุบันที่ 0.25% เหลือ 0.125% หลังจากสศค.อนุมัติแล้วตั้งแต่เม.ย. และหากครม.อนุมัติจะมีผลย้อนหลังทำให้ ธอส.มีต้นทุนลดลง ก็จะสามารถปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเดิมได้ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำสุดที่ 1.99% ขณะที่อัตราดอกเบี้ย MRR ที่อยู่ที่ 6.150%ก็จะลดลงได้มากกว่าปัจจุบันซึ่งจะทำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และประชาชนทั่วไปจะมีความสามารถในการกู้และผ่อนชำระได้ดีขึ้น”นายฉัตรชัย กล่าว
ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปัจจุบันปรับเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 4.7% หรือ 587,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2562 ขยายตัว 3.9% หรือ 40,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า แต่ยอมรับว่าหากไม่มี 8 มาตรการช่วยเหลือที่ทำให้ลูกค้า 415,000 ราย ได้รับผ่อนชำระหนี้ตามมาตรการดังกล่าว ก็จะทำให้ NPL อาจจะสูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ได้
อย่างไรก็ตาม NPL ที่เพิ่มขึ้น ยังมีลูกค้าส่วนหนึ่งที่เข้ามาตรการไม่ทัน ทำให้เป็นหนี้เสียในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางในการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มดังกล่าว ให้สามารถกลับมามีความสามารถในการชำระหนี้ได้ปกติได้
นอกจากนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้ชีวิตวิถีใหม่(New Normal) ธอส.เตรียมพัฒนาแอพพลิเคชั่น GHB ALL ในการรับฟังเงินเพิ่มอีก 1 ฟังชั่นส์ เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่สามารถรับโอนเงินและชำระสินเชื่อได้ หลังจากพบว่าในช่วงที่ผ่านมามีลูกค้ากว่า 100,000 รายทำธุรกรรมผ่าน GHB ALL เพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วงปกติมาก ดังนั้น ธอส.จะเร่งพัฒนาระบบเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตวิถีใหม่ให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันยังจะเปิดให้ลูกค้าสวัสดิการ ที่เป็นฐานลูกค้าหลักปัจจุบันมีกว่า 40% ของลูกค้าทั้งหมด 1.246 ล้านล้านบาท สามารถยื่นกู้ผ่านแอพลิเคชันได้ รู้ผลภายใน 48 ชั่วโมง จากนั้นจึงมีการเรียกส่งเอกสารเพิ่มเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกลูกค้าด้วย